วันนี้ กระทรวงเกษตรฯ ฝังทำลายของกลางสินค้าปศุสัตว์มูลค่ากว่า 68 ล้านบาท ณ ศูนย์กักกันสัตว์เพชรบุรี ด่านกักกันสัตว์เพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งได้รับส่งมอบจากกรมศุลกากรที่ตรวจยึดได้ เพื่อป้องกันการแพร่กระจาย ของโรคระบาดสัตว์เข้ามาภายในประเทศ
พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีฝังทำลายสินค้าปศุสัตว์ ณ ศูนย์กักกันสัตว์เพชรบุรี ด่านกักกันสัตว์เพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี ว่า การดำเนินการฝังทำลายสินค้าปศุสัตว์ของกลางซึ่งนำเข้าโดยผิดกฎหมายในครั้งนี้ เป็นผลมาจากการดำเนินนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ให้กรมปศุสัตว์บังคับใช้กฎหมายในการปราบปรามการลักลอบนำสินค้าปศุสัตว์เข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อป้องกันการนำโรคระบาดจากต่างประเทศเข้ามาแพร่กระจายในประเทศไทย ซึ่งอาจจะเป็นโรคจากสัตว์สู่สัตว์ หรือจากสัตว์สู่คน โดยโรคเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์เลี้ยงของเกษตรกร และอาจส่งผลต่อสุขภาพของประชาชนทั่วไป และมีผลต่อเนื่องกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศที่ผลิตอาหารส่งออกไปยังต่างประเทศทั่วโลก จนได้ชื่อว่าครัวของโลก
ด้าน นายสัตวแพทย์อยุทธ์ หรินทรานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า จากการที่กรมปศุสัตว์ โดยกองสารวัตรและกักกันได้เข้มงวดในการตรวจสอบการเคลื่อนสัตว์หรือซากสัตว์ที่นำเข้าจากต่างประเทศอย่างผิดกฎหมาย รวมถึงการบูรณาการการปฏิบัติงานร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง อันได้แก่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร กรมการปกครองและโดยเฉพาะอย่างยิ่งกรมศุลกากร นั้น จากการดำเนินการของชุดเฉพาะกิจ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2557 ถึงปัจจุบันได้มีการจับกุมและดำเนินคดีตามกฎหมายว่าด้วยโรคระบาดสัตว์ นำสินค้าปศุสัตว์โดยไม่มีใบอนุญาตตามเงื่อนไขที่กำหนดไปแล้วทั้งสิ้น 130 คดี จำนวน 1,079,681 กิโลกรัม มูลค่า 105,335,911 บาท และได้ทำลายสินค้าปศุสัตว์ซึ่งนำเข้าผิดกฎหมายไปแล้วทั้งสิ้นจำนวน 807,645 กิโลกรัม รวมมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 87,486,622 บาท ส่วนที่เหลืออีก 272,036 กก. มูลค่า 17,849,289 บาท อยู่ระหว่างดำเนินคดี และรอฝังทำลายต่อไป นอกจากนี้กรมปศุสัตว์ได้จับกุมและทำลายยาสัตว์ผิดกฏหมาย สารเคมี และสารเร่งเนื้อแดงจำนวนกว่า 14 ตัน
อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการทำลายสินค้าปศุสัตว์ในครั้งนี้ กรมปศุสัตว์ได้รับมอบของกลางจากสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง กรมศุลกากร ตามข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกรมปศุสัตว์กับกรมศุลกากร เรื่อง การปฏิบัติเกี่ยวกับกรณีที่มีการจับกุมดำเนินคดีลักลอบนำสัตว์หรือซากสัตว์เข้ามาในราชอาณาจักร เป็นของสดประเภทเนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์และชิ้นส่วนอื่น ๆ จำนวน 26 ตู้คอนเทนเนอร์ ปริมาณ 702,369 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 68,064,640 บาท แบ่งเป็นเนื้อและเครื่องในโคกระบือแช่แข็ง จำนวน 58,000 กก. เครื่องในโคกระบือแช่แข็ง จำนวน 108,875 กก. ขาไก่และชิ้นส่วนไก่แช่แข็ง จำนวน 510,494 กก. ขาหมูแช่แข็ง จำนวน 25,000 กก. โดยกระบวนการในการฝังทำลายสินค้าปศุสัตว์ดังกล่าว ทำตามหลักวิชาการโดยเน้นไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อควบคุมป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค
ปัจจุบัน ถึงแม้กรมปศุสัตว์จะเข้มงวดในการปราบปรามการลักลอบนำเข้าสัตว์หรือซากสัตว์จากต่างประเทศโดยผิดกฎหมาย แต่ก็ยังพบการลักลอบกระทำผิดกฎหมายอยู่ กรมปศุสัตว์โดยกองสารวัตรและกักกัน จึงได้ดำเนินการจัดตั้งชุดเฉพาะกิจเพื่อตรวจสอบการเคลื่อนย้ายสัตว์ ซากสัตว์อย่างเข้มงวด โดยตั้งจุดตรวจ 24 ชั่วโมงบนเส้นทางที่คาดว่าจะมีการลักลอบเคลื่อนย้ายสัตว์ หรือซากสัตว์และบนถนนสายหลักทั่วประเทศ เนื่องจากมีความห่วงใยในสุขภาพสัตว์ของประชาชน จึงได้ใช้มาตรการบังคับใช้กฎหมาย โรคระบาดสัตว์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและผู้บริโภค ทั้งนี้ กรมปศุสัตว์ได้อำนวยความสะดวกในการอนุญาตเคลื่อนย้ายสัตว์หรือซากสัตว์ให้ถูกต้องตามกฎหมาย หากมีข้อสงสัย ต้องการข้อมูลเรื่องการเคลื่อนย้ายสัตว์หรือซากสัตว์ กฎหมายโรคระบาดสัตว์ หรือต้องการร้องเรียนผู้กระทำผิดกฎหมาย ติดต่อกองสารวัตรและกักกัน กรมปศุสัตว์ โทรศัพท์ 0-2501-3473-5 อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าว.
ข่าวเด่น