กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ อบรมผู้ประกอบการคลินิกเสริมความงามในกทม. พนักงานเจ้าหน้าที่กฎหมายส่วนกลาง/เขต และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ชี้แจงความเข้าใจและปฏิบัติตามมาตรฐานกฎหมาย 2 ฉบับเคร่งครัด คือกฎหมายสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 และกฎหมาย อย.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยา เครื่องสำอาง เครื่องมือแพทย์ และวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ป้องปรามกระทำผิดก่อนและหลังได้รับอนุญาต ไม่โฆษณาโอ้อวดสรรพคุณเกินจริง เผยขณะนี้มีคลินิกความงามขึ้นทะเบียนทั้งหมด 1,458 แห่ง แนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น แข่งขันกันสูงทั้งตลาดบนและตลาดล่าง
เช้าวันนี้ (2 มิถุนายน 2559) ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์คอนเวนชั่น หลักสี่ กทม. นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(กรมสบส.) กระทรวงสาธารณสุข เปิดอบรมผู้ประกอบการ ผู้ดำเนินการสถานพยาบาลเสริมความงามหรือเรียกว่าคลินิกเสริมความงามในเขตกทม. พนักงานเจ้าหน้าที่ด้านกฎหมายจากส่วนกลาง /เขตและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในเขตปริมณฑล รวมประมาณ 200 คน เพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจในการปฏิบัติตามมาตรฐานของกฎหมาย 2 ฉบับอย่างเคร่งครัด คือ สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 และกฎหมายควบคุมยา เวชภัณฑ์ เครื่องสำอาง วัตถุเสพติด เครื่องมือแพทย์ ที่ใช้ในการให้บริการในคลินิก ซึ่งอยู่ในความดูแลของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับบริการที่ได้มาตรฐานสมประโยชน์
อธิบดีกรม สบส.กล่าวว่า การประชุมผู้ประกอบการคลินิกเสริมความงามครั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องปรามการกระทำผิดทั้งก่อนและหลังได้รับอนุญาตให้เปิดดำเนินการ เนื่องจากบริการด้านนี้ครองอันดับ 1 ในธุรกิจประเภทดาวเด่นติดต่อกันมา 5 ปี มีทั้งกลุ่มบริการตลาดบน และตลาดล่างซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่มีรายได้ปานกลาง หรือเป็นนิสิต นักศึกษา มักตั้งในย่านชุมชน และมีสาขาจำนวนมากทั้งในกทม.และต่างจังหวัด มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ15 ต่อปี จึงมีการแข่งขันในระดับสูงทั้งในเรื่องของความรู้ความชำนาญของผู้ดำเนินการ และเทคโนโลยีที่นำมาใช้ในการให้บริการ ที่ผ่านมามีบุคคลหรือสถานพยาบาลบางแห่งมุ่งแสวงหาผลประโยชน์เชิงพาณิชย์ โดยไม่คำนึงถึงจริยธรรม จรรยาบรรณ ความถูกต้องกฎหมาย เกิดปัญหาร้องเรียนมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งตัวบุคคลที่ประกอบวิชาชีพ หลังรับบริการไปแล้วไม่เป็นที่พึงพอใจ ซึ่งพบปีละประมาณ 300 กว่าราย อาจก่อความเสียหายต่อสังคม เศรษฐกิจได้ ปัจจุบันทั่วประเทศมีสถานพยาบาลในกลุ่มของคลินิกเวชกรรมทั่วไปและเฉพาะทาง ให้บริการเสริมความงามด้วยรวม 1,458 แห่ง หรือประมาณร้อยละ 8 ของคลินิกเวชกรรมทั่วไปและเฉพาะทางที่มีทั้งหมด 10,904 แห่ง
สำหรับในการตรวจสอบคลินิกเสริมความงามที่ได้รับการร้องเรียน กรม สบส. จะมอบให้กองกฎหมายดำเนินการสืบสวนและประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อจับกุมดำเนินคดี จากการตรวจจับที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะพบความผิด 3 เรื่องคือ ให้บุคคลที่ไม่ใช่แพทย์มารักษา ใช้ยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับ อย. และโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง เช่น หล่อถึงชาติหน้า ดีที่สุด แห่งแรก เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ทิศทางการดำเนินการควบคุมมาตรฐานคลินิกเสริมความงามรวมทั้งสถานพยาบาลอื่นๆ ด้วย ต่อจากนี้ไปกรม สบส.จะเน้นการให้ความรู้ความเข้าใจควบคู่ไปด้วย เพื่อให้ปฏิบัติได้ถูกต้องตามขั้นตอน และเป็นแนวทางเดียวกัน ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาให้ได้มากที่สุด
ทั้งนี้คลินิกเสริมความงาม กำหนดให้ผู้ให้บริการต้องเป็นแพทย์ที่มีวุฒิบัตรด้านเสริมความงาม รวมทั้งเครื่องมือ เช่น เครื่องเลเซอร์ผิวหน้า เครื่องดูดไขมัน เวชภัณฑ์ต่างๆ เช่น ยาลดความอ้วนที่ใช้ในคลินิกจะต้องผ่านการขึ้นทะเบียนจาก อย. และใช้โดยแพทย์เท่านั้น หากเป็นบุคคลอื่นที่ไม่ใช่แพทย์ จะมีความผิดตามกฎหมาย เช่น ใช้ยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาตมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท ตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 เป็นต้น
ข่าวเด่น