วันนี้ (3 มิ.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณา 710 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่ อ.1464/2549 ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ อดีตประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.), นายปริญญา นาคฉัตรีย์, นายวีระชัย แนวบุญเนียร อดีต กกต. (เสียชีวิตแล้ว) เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.บ.คณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2541 มาตรา 24 และ 42 กรณีที่ไม่เร่งสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง ข้อร้องเรียนกล่าวหาพรรคไทยรักไทย ว่าจ้างพรรคการแผ่นดินไทย และพรรคพัฒนาชาติไทย ลงรับสมัครเลือกตั้งในวันที่ 2 เม.ย. 2549 โดยพลัน ตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงและการวินิจฉัย พ.ศ. 2542 มาตรา 37, 48 จำเลยให้การปฏิเสธ
คดีนี้ศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 15 ก.ย.49 ให้จำคุก พล.ต.อ.วาสนา, นายปริญญา และนายวีระชัย จำเลยที่ 1-3 คนละ 3 ปี ขณะที่ทางนำสืบจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เห็นควรลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยคนละ 2 ปี พร้อมกับเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งคนละ 10 ปี ต่อมาวันที่ 14 พ.ค. 2551 ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น โดยระหว่างฎีกาคดีนายวีระชัย จำเลยที่ 3 ได้เสียชีวิตลง
วันนี้ พล.ต.อ.วาสนา จำเลยที่ 1 นายปริญญา จำเลยที่ 2 เดินทางมาศาลพร้อมกลุ่มอดีตเจ้าหน้าที่ กกต. และคนสนิทที่มาให้กำลังใจ
ศาลฎีกาตรวจสำนวนและพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยที่ 1และ 2 กระทำผิดตามฟ้องจริง ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษอ้างว่าทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติ และชราภาพแล้ว เห็นว่าการที่จำเลยได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้งแสดงว่า ย่อมได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งสำคัญ ซึ่งจำเลยจะต้องดำรงไว้ซึ่งเป็นกลางทางการเมือง แต่จำเลยกลับทำตรงกันข้ามตรงกันข้าม วินิจฉัยไม่เป็นธรรมเอื้อประโยชน์ให้พรรคไทยรักไทย จึงไม่ควรรอการลงโทษที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย พิพากษายืน จำคุกจำเลยทั้งสองคน เป็นเวลา 2 ปี ไม่รออาญา พร้อมกับเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งคนละ 10 ปี
ภายหลังมีคำพิพากษาศาลฎีกา ซึ่งถือเป็นที่สุด เจ้าพนักงานได้เข้าควบคุมตัวจำเลย นำตัวไปที่เรือนจำเพื่อรับโทษจำคุกตามคำพิพากษาทันที
ข่าวเด่น