รมว.พลังงาน ตรวจราชการด้านพลังงาน ณ โรงไฟฟ้าบางปะกง และติดตามความคืบหน้าโครงการโรงไฟฟ้าบางปะกง (ทดแทนเครื่องที่ 1-2) ตามแผนพีดีพี 2015 เสริมสร้างเสถียรภาพให้กับระบบไฟฟ้า
เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2559 พลเอกอนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และคณะ พร้อมด้วยนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน และประธานคณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เดินทางไปตรวจราชการด้านพลังงาน ณ โรงไฟฟ้าบางปะกง และโครงการโรงไฟฟ้าบางปะกง (ทดแทนเครื่องที่ 1-2) จ.ฉะเชิงเทรา โดยมีผู้บริหาร กฟผ. ได้แก่ นายรัตนชัย นามวงศ์ รองผู้ว่าการพัฒนาโรงไฟฟ้า นายกรศิษฏ์ ภัคโชตานนท์ รองผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า นายวิวัฒน์ ชาญเชิงพานิช ผู้ช่วยผู้ว่าการชุมชนสัมพันธ์และสิ่งแวดล้อมโครงการ และนายพล คงเสือ ผู้ช่วยผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า 3 บรรยายสรุป
ในการนี้ พลเอกอนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน ได้ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าบางปะกง ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าแห่งแรกที่ใช้ก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยเป็นเชื้อเพลิง เพื่อสนองนโยบายของรัฐในขณะนั้นที่ต้องการใช้ทรัพยากรธรรมชาติในประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุด ปัจจุบันโรงไฟฟ้าบางปะกงมีกำลังผลิตรวมทั้งสิ้น 2,490 เมกะวัตต์ โดยโรงไฟฟ้าบางปะกงเป็นโรงไฟฟ้าสีเขียว ที่ตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อมและชุมชนรอบโรงไฟฟ้า ได้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมด้านต่างๆ อย่างเคร่งครัด เช่น คุณภาพอากาศ ระดับเสียง คุณภาพน้ำ นิเวศวิทยาแหล่งน้ำ อาชีวอนามัยและความปลอดภัย เป็นต้น นอกจากนี้ เพื่อความโปร่งใสตรวจสอบได้ โรงไฟฟ้าบางปะกงได้ติดตั้งจอแสดงผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศและอุณหภูมิน้ำหล่อเย็นบริเวณประตูทางเข้า-ออกโรงไฟฟ้า และในชุมชนรวม 8 แห่งอีกด้วย
นอกจากนี้ รมว.พลังงาน ได้ติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าบางปะกงทดแทน (เครื่องที่ 1-2) เพื่อให้ระบบไฟฟ้าในบริเวณเขตนครหลวงโซนตะวันออกมีเสถียรภาพ จึงจำเป็นต้องมีโรงไฟฟ้าใหม่ทดแทนโรงไฟฟ้าพลังความร้อนบางปะกง เครื่องที่ 1-2 ตามที่บรรจุไว้ในแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ พ.ศ. 2558-2579 หรือ พีดีพี 2015 เนื่องจากโรงไฟฟ้าดังกล่าวมีอายุการใช้งานเกิน 25 ปี และปัจจุบันมีสถานะเป็นโรงไฟฟ้าสำรองในกรณีฉุกเฉิน โดยโรงไฟฟ้าใหม่ที่จะสร้างทดแทนนี้ จะเป็นโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลักและน้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิงสำรอง ซึ่งหากโครงการผ่านการอนุมัติ คาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จเข้าระบบเชิงพาณิชย์ในปี 2562
ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าบางปะกงของ กฟผ. มีการจัดการสิ่งแวดล้อม และใช้เทคโนโลยีที่มีมาตรฐานระดับสากล สำหรับข้อมูลสถานการณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าในเขตนครหลวงโซนตะวันออกนั้น มีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งจากภาคครัวเรือน ธุรกิจและอุตสาหกรรม ทำให้ต้องมีการวางแผนรองรับ ให้มีพลังงานไฟฟ้าเพียงพอกับความต้องการอยู่ตลอดเวลา จึงต้องมีโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าบางปะกงทดแทน (เครื่องที่ 1-2) ดังกล่าว ประกอบกับการออกแบบให้โรงไฟฟ้าบางปะกง สามารถใช้เชื้อเพลิงน้ำมันควบคู่กับก๊าซธรรมชาติได้ นับเป็นแผนรองรับสถานการณ์กรณีการหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติเพื่อซ่อมแซมบำรุงรักษา รวมทั้งในปัจจุบันมีแผนการและมาตรการต่างๆ ทำให้สามารถมีความมั่นใจในความมั่นคงของระบบไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น
ข่าวเด่น