บล.โกลเบล็ก มองหุ้นไทยได้แรงหนุนจากคาดการณ์เฟดยังไม่ขึ้นดอกเบี้ย หลังตัวเลขการจ้างงานออกมาแย่กว่าคาด ประเมิน SET เดินหน้าทดสอบแนวต้าน 1,450 - 1,460 จุด แนะเก็งกำไรหุ้นที่คาดว่าจะเข้าคำนวณ SET 50 รอบใหม่ SPRC, GPSC, KCE, SUPER และ SET 100 GLOBAL, TVO, IFEC, BCH, JWD, BAY และ BIGC ด้านราคาทองคำมีแนวโน้มฟื้นตัวจากการคาดการณ์ปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดที่ลดลง โดยมีแนวรับ 1,220 - 1,215 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,280-1, 285 เหรียญต่อทรอยออนซ์
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)อาจยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมระหว่างวันที่ 14-15 มิ.ย. หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาไม่ดีเห็นได้จากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 38,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. แย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 162,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานขยับลง 0.3% สู่ระดับ 4.7% จากระดับ 5.0% ในเดือนเม.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 4.9% ส่งผลให้นักลงทุนได้ปรับลดคาดการณ์ความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายนเหลือ 4% จากเดิมที่ 21% ประกอบกับในเดือนมิ.ย. คาดว่าจะมีการเปิดประมูลโครงการใหญ่ของรัฐบาลมูลค่ารวม 2.4 แสนล้านบาท อาทิ โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า 3 สาย ได้แก่ สายสีส้ม สายสีเหลือง และสายสีชมพู เป็นต้น
อย่างไรตาม ก็ยังมีปัจจัยที่ยังคงกดดันดัชนีตลาดหุ้นไทยมาจากราคาน้ำมันในตลาดโลกอ่อนตัวจากระดับใกล้ 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลจากผลการประชุมกลุ่มผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ไม่สามารถทำข้อตกลงได้ในเรื่องการปรับลดกำลังการผลิต ส่งผลให้ความกังวลเรื่องอุปทานที่เพิ่มขึ้น หลังแท่นขุดเจาะในสหรัฐมีจำนวนเพิ่มขึ้น และการที่อิหร่านต้องการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดให้กลับไปอยู่ระดับเดิมก่อนที่จะถูกคว่ำบาตร นอกจากนี้ซาอุดิอาระเบียได้ประกาศปรับลดราคาน้ำมันส่งออกไปยังยุโรปสำหรับการส่งมอบเดือนก.ค. เป็นการส่งสัญญาณถึงการแข่งขันด้านราคาที่ทวีความรุนแรงขึ้นในอนาคต
นอกจากนี้ยังคงต้องจับตาปัจจัยที่มีผลต่อเศรษฐกิจ เช่น วันที่ 7 มิ.ย.สหรัฐมีกำหนดเปิดเผยสินเชื่อผู้บริโภคเดือนเม.ย. ซึ่งบ่งชี้ถึงการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคสหรัฐ อียูจะเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2559 และในวันที่ 8 มิ.ย. สหรัฐจะเปิดเผยสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ซึ่งจะมีผลต่อทิศทางราคาน้ำมันในตลาด หากพบว่าสต๊อกน้ำมันเพิ่มขึ้นจะกดดันราคาน้ำมันในตลาดโลก ส่วนจีนมีกำหนดเปิดเผยยอดส่งออก ยอดนำเข้า และดุลการค้าเดือนพ.ค. หากตัวเลขการเติบโตลดลงจากเดือนเม.ย. จะยืนยันถึงอัตราการเติบโตที่ชะลอตัวลงต่อเนื่องจากต้นปี
ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็กจำกัด กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐอาจจะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย. หลังจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด ประกอบกับการประมูลโครงการรัฐขนาดใหญ่ของไทยราว 2.4 แสนล้านบาท เป็นแรงหนุนต่อดัชนี อย่างไรก็ตามอาจมีความผันผวนในกลุ่มพลังงานจากราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลง
ดังนั้นประเมินว่า SET มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1.450 - 1,460 จุด หุ้นที่แนะนำลงทุน ได้แก่ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับอานิสงส์ของการประมูลโครงการใหญ่ภาครัฐมูลค่ารวมเกือบ 2.43 แสนล้านบาทในเดือนมิ.ย. กลุ่มน้ำตาล ได้ประโยชน์จากราคาน้ำตาลในตลาดโลกปรับขึ้นทำ new high ล่าสุด 18.7 ดอลลาร์/ตัน หุ้น IVL ได้รับอานิสงส์จากราคาฝ้ายปรับตัวขึ้น ล่าสุด 63.9 ดอลลาร์/ตัน และหุ้นที่คาดว่าจะเข้าคำนวณ SET 50 รอบใหม่ ได้แก่ SPRC, GPSC, KCE, SUPER และ SET 100 ได้แก่ GLOBAL TVO, IFEC, BCH, JWD, BAY และ BIGC
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ราคาทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้น 31ดอลลาร์/ ออนซ์ หรือคิดเป็น 2.55% ปิดที่ระดับ 1,243 ดอลลาร์/ ออนซ์ โดยราคาฟื้นตัวขึ้นช่วงสั้นๆระหว่างสัปดาห์จากแรงซื้อเก็งกำไรหลังราคาทองปรับลงมามาก แต่ก็ฟื้นตัวได้ในกรอบแคบเท่านั้นจากการที่สหรัฐรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาแข็งแกร่ง อาทิ ดัชนีภาคการผลิตมีการขยายตัวติดต่อกัน 3 เดือนในเดือนพ.ค. และรายงาน Beige Book ของเฟดซึ่งระบุว่า เศรษฐกิจในภูมิภาคส่วนใหญ่ของสหรัฐมีการขยายตัวในระดับปานกลางนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเม.ย.ปีนี้ รวมถึงรายงานตัวเลขจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงผิดคาดและตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเดือนพ.ค.ที่ปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งได้สร้างความกังวลว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม FOMC ช่วงเดือน มิ.ย.และ ก.ค.นี้
อย่างไรก็ตามราคาทองคำได้ฟื้นตัวขึ้นแรงในช่วงสุดสัปดาห์หลังสหรัฐฯรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นต่ำกว่าคาดในเดือนพ.ค.เป็นตัวเลขต่ำสุดในรอบ 5 ปี ทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้จากเดิมที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค.นี้ ขณะที่ประธานเฟดสาขาชิคาโกและสาขาคลีฟแลนด์ รวมถึงนางลาเอล เบรนนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟดให้ความเห็นสอดคล้องกันว่าเฟดควรชะลอและปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป จากแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดที่ลดลงจะลดแรงหนุนต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ
ดังนั้นประเมินแนวโน้มราคาทองโลกด้านเทคนิค ราคาฟื้นตัวขึ้นแรงผ่านยืนเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วัน ด้วยการสร้างแท่งเทียนลักษณะ TOWER BOTTOM พร้อมกับดึงเส้น 5 วันให้ตัดเส้น 10 วันขึ้นมาเกิดเป็นแนวรับสัญญาณ GOLDEN CROSS และค่าสัญญาณทางเทคนิคที่เป็นบวก ทำให้ราคาแนวโน้มปรับขึ้นต่อ โดยมีแนวรับ 1,220 - 1,215 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,280-1,285 เหรียญต่อทรอยออนซ์
ข่าวเด่น