นายวชิร คุณทวีเทพ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึง การสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่าย ผลกระทบด้านธุรกิจและสังคมไทย ในช่วงที่มีการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2016 ทำการสำรวจความคิดเห็นจากกลุ่มตัวอย่าง 1,204 ตัวอย่างทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 1-6 มิ.ย.59 คาดจะมีเงินสะพัดจากการใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันถึง 76,541 ล้านบาท ลดลง 19.6% เมื่อเทียบกับเทศกาลฟุตบอลโลกเมื่อปี 2014 โดยเป็นเงินสะพัดจากการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคและการสังสรรค์ 14,806.44 ล้านบาท ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์รับสัญญาณ 2,382.37 ล้านบาท และอื่นๆ 1,456.53 ล้านบาท และที่เหลือเป็นเงินสะพัดจากการเล่นพนันบอลถึง 57,895 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.7% เพิ่มจากช่วงบอลโลกที่มีมูลค่า 55,830 ล้านบาท
ช่วงการแข่งขันฟุตบอลยูโรปีนี้ บรรยากาศทางเศรษฐกิจในภาพรวมจะคึกคักขึ้น แต่ส่วนใหญ่เป็นเงินสะพัดนอกระบบเศรษฐกิจ เพราะคนนำไปใช้ในการเล่นพนัน ทั้งพนันในหมูเพื่อนฝูง พนันกับเจ้ามือรายใหญ่ และพฤติกรรมการเล่นพนันก็เปลี่ยนไป จากเดิมที่เล่นเพื่อความสนุกสนาน ก็เป็นเล่นเพื่อหวังผลชิงรางวัลมากขึ้น เล่นหนักขึ้น โดยพนันด้วยเงินสด 92% สิ่งของ 5% และอาหาร 2% ที่สำคัญใช้เงินเดือน รายได้ปกติมาเล่นถึง 73% วางพนันตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักล้านบาท หรือเฉลี่ยแต่ละนัดจะใช้เงินเล่นคนละ 4,554 บาท และเล่นตลอดการแข่งขันเฉลี่ยคนละ 7,160 บาท
นายวชิรกล่าวว่า ผลจากการที่เศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวดี ทำให้ประชาชนยังระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอย และหันมาดูการแข่งขันที่บ้านมากขึ้น จากเดิมที่มักจะไปดูในร้านอาหาร สถานบันเทิงต่างๆ และถ้าไปก็จะไปเฉพาะวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์เท่านั้น ทำให้เงินสะพัดในระบบปีนี้เพิ่มขึ้นไม่มาก แต่ภาพรวมคาดว่า ฟุตบอลยูโรปีนี้จะทำให้เศรษฐกิจไทยเพิ่มขึ้นได้อีก 0.2%
สำหรับทีมฟุตบอลที่คนไทยเชียร์ ประกอบด้วย สเปน 32.1% เยอรมนี 16.3% ฝรั่งเศส 15.8% อิตาลี 12.2% และอังกฤษ 10.3% ส่วนทีมที่คาดว่าจะได้แชมป์ คือ สเปน 37.7% ฝรั่งเศส 17.3% เยอรมนี 16.5% อิตาลี 13.3% และอังกฤษ 8.2%
ข่าวเด่น