เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2559 นายกาเริล โยฮันเนิส ฮาร์โตค (Mr. Karel Johannes Hartogh) เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นางอภิรดี ตันตรา ภรณ์) เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ และหารือแนวทางการขยายการค้าการลงทุนระหว่างสองประเทศ รวมถึงการพัฒนาความร่วมมือด้านเทคโนโลยีนวัตกรรมและการเกษตรที่เนเธอร์แลนด์มีความเชี่ยวชาญ
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้เน้นย้ำให้เนเธอร์แลนด์เชื่อมั่นต่อนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการนำประเทศไปสู่การเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์และยึดมั่นในพันธกรณีระหว่างประเทศของไทย รวมทั้งความมุ่งมั่นในการวางรากฐานทางเศรษฐกิจที่มั่นคง และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งเพื่อเชื่อมโยงกับกับภูมิภาคอาเซียนและประเทศในลุ่มแม่น้ำโขง จึงได้เชิญชวนนักลงทุนเนเธอร์แลนด์ให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น ใช้ไทยเป็นฐานการผลิตสินค้าและบริการไปยังประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนและภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากไทยมีที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์อยู่บริเวณศูนย์กลางของภูมิภาค มีพรมแดนติดประเทศเพื่อนบ้านทั้งในอาเซียนและเอเชียที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจ
และได้เน้นย้ำยุทธศาสตร์ของกระทรวงพาณิชย์ในการนำประเทศไทยไปสู่การเป็น Trading Nation ประกอบด้วย 1) ก้าวสู่ยุคอุปสงค์นำการค้า 2) ก้าวสู่การเป็นเศรษฐกิจการค้าที่ใช้ภาคบริการเป็นผู้นำ 3) ปรับบทบาทจากการกำกับและควบคุมเป็นการส่งเสริมและอำนวยความสะดวกทางการค้า 4) พัฒนาภาคการผลิตสู่การสร้างมูลค่า
เอกอัครราชทูตเนเธอร์แลนด์ กล่าวยินดีที่ไทยกับเนเธอร์แลนด์มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาเป็นเวลาช้านาน ทั้งในระดับทวิภาคีและระดับภูมิภาค โดยสองประเทศมีความสัมพันธ์ทางการค้าอย่างต่อเนื่อง และได้แสดงความมุ่งมั่นพัฒนาความสัมพันธ์ของสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น รวมทั้งแจ้งความสนใจของนักลงทุนเนเธอร์แลนด์ที่ต้องการลงทุนในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของไทยด้วย ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เห็นพ้องว่าทั้งสองประเทศควรส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกัน ในด้านเทคโนโลยีนวัตกรรมและการเกษตร ซึ่งเป็นสาขาที่เนเธอร์แลนด์มีความโดดเด่นอย่างมาก โดยเฉพาะการจัดการน้ำที่ประเทศไทยต้องการให้เนเธอร์แลนด์เข้ามาลงทุน และถ่ายทอดองค์ความรู้และวิทยาการด้วย นอกจากนี้ ฝ่ายเนเธอร์แลนด์ยังได้สอบถามเกี่ยวกับนโยบายการเก็บภาษีสรรพสามิตในเครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลเกินเกณฑ์มาตรฐานสุขภาพ โดยกังวลว่าผลิตภัณฑ์ dairy product ของเนเธอร์แลนด์อาจได้ผลกระทบ
เนเธอร์แลนด์เป็นคู่ค้าอันดับที่ 22 ของไทยและเป็นอันดับที่ 3 ในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป 28 ประเทศ ในระยะ 3 ปีที่ผ่านมา (2556-2558) การค้ารวมไทย-เนเธอร์แลนด์มีมูลค่าเฉลี่ยปีละ 5,466.56 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยปี 2558 การค้ารวมมีมูลค่า 5,241.61 ล้านเหรียญสหรัฐ ไทยส่งออกไปยังเนเธอร์แลนด์มีมูลค่า 4,270.99 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยได้เปรียบดุลการค้า 3,300.37 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกที่สำคัญไปเนเธอร์แลนด์ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่นๆ เครื่องจักรกล แผงวงจรไฟฟ้า เป็นต้น
สินค้านำเข้าที่สำคัญจากเนเธอร์แลนด์ ได้แก่ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องจักรกล เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม สัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เป็นต้น ในส่วนการลงทุน ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2554 - 2558) การลงทุนโดยตรงของเนเธอร์แลนด์ในไทยที่ได้รับการอนุมัติจาก BOI มีมูลค่ารวม 75,877.7 ล้านบาท ในปี 2558 เนเธอร์แลนด์ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI มูลค่า 16,439.1 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2557 ถึง 4,068 ล้านบาท ทั้งนี้ เนเธอร์แลนด์อยู่ในอันดับที่ 2 ของกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปที่ลงทุนในไทย ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยี ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เหมืองแร่และเซรามิกส์ อุตสาหกรรมแสง/สิ่งทอ ผลิตภัณฑ์โลหะและเครื่องจักร
ข่าวเด่น