กนร. เห็นชอบปรับปรุงขั้นตอนการออกใบอนุญาตทำงานของแรงงานต่างด้าว ‘รองนายกฯ’ กำชับ ก.แรงงาน ร่วมกับกรมการปกครอง ก.มหาดไทย จัดทำแนวปฏิบัติในการตรวจบัตรสีชมพูและใบอนุญาตทำงานให้มีความชัดเจน รวดเร็ว เล็งตั้งศูนย์แรกรับแรกรับเข้าทำงาน และส่งกลับแรงงานต่างด้าวตามแนวชายแดน
นายอารักษ์ พรหมณี อธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) แถลงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน (กนร.) ครั้งที่ 3/2559 ที่มี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมฯ โดยมี พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน หม่อมหลวงปุณฑริก สมิติ ปลัดกระทรวงแรงงาน นายอารักษ์ พรหมณี อธิบดีกรมการจัดหางาน พร้อมด้วยคณะกรรมการ และผู้บริหารของกระทรวงฯ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ว่า ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบตามที่กรมการจัดหางาน (กกจ.) เสนอขอปรับเปลี่ยนขั้นตอนการออกใบอนุญาตทำงานของแรงงานต่างด้าว โดยให้แรงงานไปชำระเงินค่าธรรมเนียมการตรวจสุขภาพ และประกันสุขภาพ ณ โรงพยาบาลที่กำหนด และนำใบเสร็จรับเงินพร้อมใบนัดตรวจสุขภาพมาแสดงให้เจ้าหน้าที่เพื่อจดทะเบียน ณ ศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) เพื่อขอรับใบอนุญาตทำงานไปก่อน และเมื่อได้ผลการตรวจสุขภาพแล้วให้นำเอกสารการตรวจมายื่นต่อเจ้าหน้าที่ภายในระยะเวลาที่กำหนด จากเดิมที่รอให้ใบรับรองผลออกก่อนจึงจะนำมายื่นดำเนินการ ซึ่งจะทำให้การจดทะเบียนรวดเร็วยิ่งขึ้น แต่หากภายหลังผลการตรวจออกมาพบว่า ผู้ใช้แรงงานเป็นโรคต้องห้าม จะเพิกถอนใบอนุญาต และดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
นายอารักษ์ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบให้มีการตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณากำหนดเงื่อนไขการอนุญาตให้แรงงานต่างด้าวเปลี่ยนไปทำงานกับนายจ้างรายใหม่ โดยให้เร่งดำเนินการอย่างรวดเร็ว ซึ่งตั้งเป้าจะนำไปศึกษาและดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2559 อีกทั้ง ยังให้เห็นชอบให้ตั้งคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาผู้ติดตามของแรงงานต่างด้าวและบุตรของแรงงานต่างด้าวที่เกิดในประเทศไทย เพื่อวางหลักเกณฑ์การเปลี่ยนนายจ้าง รวมถึงควบคุมการเคลื่อนย้ายแรงงานด้วย ตลอดจนตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาการให้สัตยาบันอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ไอแอลโอ) ฉบับที่ 188 ว่า ด้วยการทำงานภาคประมง และคณะอนุกรรมการยกร่างกฎหมายรองรับการรับอนุสัญญาไอแอลโอฉบับดังกล่าว เพื่อทำให้แรงงานภาคประมงของไทยเป็นที่ยอมรับในระดับสากลมากขึ้น
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติให้ตั้งศูนย์แรกรับแรกรับเข้าทำงาน และส่งกลับแรงงานต่างด้าวตามแนวชายแดน โดยมีภารกิจของศูนย์ฯ อาทิ การตรวจ คัดกรอง แรงงานต่างด้าวว่ามีนายจ้างจริงตรงตามสัญญาจ้าง ไม่ได้ถูกชักจูงหรือหลอกลวง และมีความพร้อมที่จะทำงาน เป็นจุดพักรอแรงงานต่างด้าวเดินทางกลับประเทศ กรณีเดินทางกลับปกติ ซึ่งแยกจากกรณีที่ถูกดำเนินคดี หรือถูกส่งตัวกลับ เป็นต้น โดยจะนำร่องที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก อำเภอเมือง จังหวัดสระแก้ว และอำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย เพื่ออำนวยความสะดวกในการสร้างความเข้าใจกับนายจ้างและตัวแรงงานต่างด้าว ป้องกันปัญหาแรงงานบังคับที่อาจนำไปสู่การค้ามนุษย์ รวมถึงมีมติให้ตั้งศูนย์ร่วมบริการช่วยเหลือแรงงานต่างด้าว โดยจะประสานความร่วมมือกับภาคเอกชน เอ็นจีโอและหน่วยงานต่างๆ เพื่อลงไปดูแลให้คำปรึกษาแก่แรงงานต่างด้าว โดยเบื้องต้นจะเริ่มนำร่องในพื้นที่จังหวัดที่มีแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก เช่น จังหวัดสมุทรสาคร ระนอง และชลบุรี
“พลเอก ประวิตร ได้กำชับให้กระทรวงแรงงาน ร่วมกับกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย จัดทำแนวปฏิบัติในการตรวจบัตรสีชมพูและใบอนุญาตทำงานให้มีความชัดเจน รวดเร็ว เพื่อเป็นการป้องกันและตรวจสอบการปลอมแปลงบัตร รวมทั้งยังให้ศึกษาแนวทางการปรับปรุงบัตรสีชมพูและใบอนุญาตทำงานใหม่เพื่อให้มีรูปแบบที่ทันสมัย ตรวจสอบได้ง่าย โดยคาดว่าการดำเนินการทั้งหมดจะมีความชัดเจนภายใน 2 เดือนเพื่อให้การบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวมีประสิทธิภาพมากขึ้น” อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวในท้ายที่สุด
ข่าวเด่น