ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
ไทยออยล์คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมัน 13-17 มิ.ย.59


 



ไทยออยล์คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมัน 13-17 มิ.ย.59 

ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์นี้(13-17 มิ.ย.)จะเคลื่อนไหว ที่กรอบ 47-52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล  ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหว ที่กรอบ 47-52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 

แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (13-17 มิ.ย. 2559)
          
ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้คาดจะยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงอย่าง ต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากการที่ตลาดกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันดิบที่ตึงตัวจากเหตุการณ์การโจมตีท่อขนส่งน้ำมันดิบในไนจีเรียที่ยังคงทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบล่าสุดปรับลดลง ต่อเนื่องสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 22 ปี ประกอบกับค่าเงินดอลลาร์ที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลงหลังจากที่ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Fed)  อาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน มิ.ย.และเดือน ก.ค. ออกไปก่อน  อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบที่ปรับสูงขึ้นเหนือระดับ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อาจส่งผลให้ผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐ ปรับเพิ่มกำลังการผลิตสูงขึ้นราว 2-3 แสนบาร์เรลต่อวันในระยะสั้น เนื่องจากราคาน้ำมันดิบเหนือระดับ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล  ส่งผลให้ผู้ผลิตน้ำมันดิบจากหินชั้นดินดาน (Shale oil) เริ่มคุ้มทุนในการผลิตน้ำมันดิบปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้ :
          
สถานการณ์ความไม่สงบไนจีเรียยังคงยืดเยื้อ หลังกลุ่มติดอาวุธ ไนเจอร์ เดลต้า อเวนเจอร์  ยังเดินหน้าโจมตีท่อขนส่งและแหล่งผลิตน้ำมันดิบในพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนเจอร์ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำมันสำคัญทางตอนใต้ของไนจีเรียอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดมีการใช้กองกำลังทหารโจมตีทั้งทางน้ำและทางอากาศสร้างความเสียหายต่อแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบอย่างรุนแรง ทั้งนี้ สถานการณ์ความไม่สงบดังกล่าวส่งผลให้ ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบปรับลดลงต่อเนื่องสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 22 ปีที่ราว 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน และมีแนวโน้มที่จะยังคงอยู่ในระดับต่ำเป็นระยะเวลานาน
 
          
ค่าเงินดอลลาร์ มีแนวโน้มอ่อนค่าลง หลังจากที่ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) อาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในการประชุมเดือน มิ.ย.และเดือน ก.ค. ออกไปก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการส่งสัญญาณล่าสุดของนางเจเน็ต เยลเลน ประธาน Fed ว่าจะยัง ไม่รีบปรับขึ้นดอกเบี้ยหากเศรษฐกิจสหรัฐไม่แข็งแกร่งพอ รวมถึงการประกาศตัวเลขจ้างงานที่แย่กว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ โดยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้นเพียง 38,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย. 2553 โดยล่าสุด (6 มิ.ย.) ตลาดซื้อขายล่วงหน้าของอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นสหรัฐ (Fed Funds Futures) มองว่าโอกาสที่ Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ค. เหลือเพียง 18%
 
          
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ มีแนวโน้มปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐ (EIA) รายงานตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐ สิ้นสุด ณ วันที่ 3 มิ.ย. ปรับลดลงกว่า 3.2 ล้านบาร์เรล เป็นสัปดาห์ที่สามติดต่อกัน และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ สู่ระดับ 532.5 ล้านบาร์เรล โดยการปรับลดลงเป็นผลมาจากสหรัฐ นำเข้าน้ำมันดิบลดลง ประกอบกับ มีอัตราการกลั่นที่สูงขึ้นเพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำมันในช่วงฤดูกาลขับขี่ ในขณะที่ปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง ณ จุดส่งมอบ คุชชิ่ง โอกลาโฮมา ปรับลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 65.5 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงกังวลเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังที่ปรับเพิ่มขึ้นกว่า  1 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับลดลงในช่วงฤดูกาลขับขี่ของสหรัฐ ซึ่งเป็นช่วงที่ความต้องการใช้น้ำมันในช่วง ฤดูร้อนมากที่สุดของปี
 
          
ราคาน้ำมันดิบที่ปรับสูงขึ้นเหนือระดับ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อาจส่งผลให้ผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐปรับเพิ่มกำลังการผลิตสูงขึ้นราว  2 - 3 แสนบาร์เรลต่อวันในระยะสั้นหรือภายใน 2 - 3 เดือน เนื่องจากผู้ผลิตน้ามันดิบจากหินชั้นดินดาน (Shale oil) ในสหรัฐ อาจผลิตน้ำมันดิบ จากหลุมที่ได้ขุดเจาะรอไว้ล่วงหน้า (Drilled-but-Uncompleted Wells - DUCs)  ซึ่งสอดคล้องกับการรายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐ (สิ้นสุด ณ วันที่ 3 มิ.ย.)  ที่ปรับเพิ่มขึ้นอีก 9 แท่น เป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน สู่ระดับ 325 แท่น โดยจำนวนแท่นขุดน้ำมันดิบในสหรัฐ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หากราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
 
          
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และดัชนีราคาผู้บริโภคของยูโรโซน ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และการลงทุนทางตรงของจีน ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีก และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐ

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (6-10 มิ.ย. 2559)

          
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.45 ดอลลาร์  ปิดที่ 49.07 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล  ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 50.54 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล  ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 49 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยตลาดน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนจากเหตุการณ์การโจมตีท่อขนส่งน้ำมันและแหล่งผลิตน้ำมันดิบ ในไนจีเรียที่ยังคงทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง  นอกจากนี้ ราคายังคงได้รับแรงหนุน จากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ที่ปรับตัวลดลง 3.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ คาดการณ์ไว้ 2.7 ล้านบาร์เรล หลังโรงกลั่นยังคงเพิ่มปริมาณการกลั่นในระดับสูงต่อเนื่อง  เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำมันเบนซินที่ปรับเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูกาลขับขี่ของสหรัฐ
      

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 14 มิ.ย. 2559 เวลา : 08:42:07

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 3:44 am