ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วานนี้ เปิดปรับฐานลงทดสอบแนวรับ 1,415 จุด ก่อนเกิด Technical rebound นำโดยกลุ่ม ICT / โรงพยาบาล / พลังงาน แม้ว่าบรรยากาศการลงทุนรอบเอเชียและยุโรปจะไม่เอื้อก็ตาม ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX ลบเพียง 7.35 จุด มาอยู่ที่ 1,421.86 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 54,564 ล้านบาท
กระแสเงินทุนต่างชาติชะลอตัวชัดเจน ขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 เพียง 436 ล้านบาท Long สุทธิใน SET50 Index Futures 515 สัญญา และซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 8 เพียง 1,937 ล้านบาท แม้ว่าค่าเงินบาทแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ
ปัจจัยสำคัญวันนี้
วานนี้รายการ Big Lot หุ้น JAS มูลค่า 6.0 พันล้านบาท และ AAV อีกราว 7.94 พันล้านบาท
การประชุมเฟดเริ่มขึ้นแล้วในวันนี้ และสิ้นสุดวันพรุ่งนี้
เงินทุนต่างชาติขายสุทธิทุกตลาดหุ้นในเอเชียเกิดใหม่วานนี้
ความกลัวของนักลงทุนใน S&P500 พุ่งขึ้นเป็นวันที่ 2 มากถึง 23.14% dod ปิดที่ 20.97 จุด
ติดตามการประชุมครม. วันนี้ อาจมีการพิจารณาโครงการรถไฟรางคู่ที่เหลืออีก 6 เส้นทาง
โพลล่าสุด ณ วันที่ 13 มิ.ย. ชาวอังกฤษต้องการออกจากอียู 46% สูงกว่าที่ต้องการอยู่ 42% และยังไม่ตัดสินใจ 12%
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 16)
เราประเมินกรอบแกว่งของ SET INDEX วันนี้ระหว่าง 1,415 – 1,430 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบางเพียง 3.0-3.5 หมื่นล้านบาท เพราะคาดว่านักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ต้องการรอฟังความเห็นของประธานเฟด Janet Yellen ในคืนวันพรุ่งนี้ ต่อทิศทางเศรษฐกิจ ความเสี่ยง Brexit กับตลาดการเงินทั่วโลก และโอกาสที่จะขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ด้วยปัจจัยดังกล่าว เราจึงคาดว่าสินทรัพย์เสี่ยง อย่างตลาดหุ้น / ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ อย่างน้ำมัน จะแกว่งแคบไปอีก 1-2 วัน ส่วน Safe haven อย่างตลาดพันธบัตร และทองคำจะกลายเป็นที่พักเงินที่น่าสนใจ
เมื่อภาพตลาดหุ้นทั่วโลกเข้าสู่โหมดของการพักฐาน / ปรับฐาน อีกทั้ง Valuation ของตลาดหุ้นหลักส่วนใหญ่ ตึงตัวเช่นกัน ดังนั้นหุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นเชิงบวกจะยังมีสีสรรต่อเนื่อง ส่วนกลุ่มหลักที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัว เงินปันผลระหว่างกาล หรือ ผลการดำเนินงานใน 2Q59 แนวโน้มเติบโตเด่น จะกลายเป็นเป้าหมายการเก็งกำไรในช่วงนี้
แม้ว่าผลการประชุมเฟดในคืนวันพรุ่งนี้ โอกาสที่จะคงอัตราดอกเบี้ยมีค่อนข้างสูง และน่าจะทำให้ตลาดหุ้นเกิด Technical Rebound ในช่วงปลายสัปดาห์ได้ แต่ประเด็นเสี่ยงอีกประการ “Brexit” วันที่ 23 มิ.ย. จะยังเป็นปัจจัยที่กระแทกตลาดหุ้นทั่วโลกได้อีก เพราะโพลล่าสุดผลออกมาใกล้เคียงกันมาก โอกาสที่ SET INDEX จะย่อตัวลงอีกระลอกยังมี
Stock Pick of The Day
1. สะสม BEM : ราคาปิด 6.30 บาท ราคาเหมาะสม 6.50 บาท
a) MBKET เชื่อว่าราคาหุ้นจะตอบรับเชิงบวก เนื่องจากการประชุมบอร์ดรฟม.วานนี้มีมติให้เจรจาตรงกับ BEM เพื่อเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย และเดินรถไฟฟ้าจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีม่วง 1 สถานีระหว่างสถานีเตาปูน-บางซื่อ
b) คาดว่าจะใช้เวลาเจรจา และรอการอนุมัติจากรัฐบาลอีกราว 1-2 เดือน โดยจุดเด่นของสัญญารถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย คือ สามารถเปิดเดินรถเป็นรายสถานีได้ทันทีตามความคืบหน้าของการก่อสร้าง โดยไม่ต้องรอให้ทุกสถานีสร้างเสร็จก่อน จึงเป็นบวกโดยตรงต่อ BEM ในการทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง
c) หุ้นกลุ่ม Defensive จะ Outperform ตลาด เนื่องจากบรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นทั่วโลกช่วงนี้ผันผวน เพื่อรอดูผลการประชุมเฟดในวันที่ 14-15 มิ.ย. และการทำประชามติของ UK ว่าจะอยู่ใน EU ต่อหรือไม่ ในวันที่ 23 มิ.ย.
2. สะสม BANPU : ราคาปิด 12.20 บาท ราคาเหมาะสม 14.20 บาท
a) MBKET ประเมินว่าราคาหุ้นมี Downside Risk จำกัด หลังสามารถยืนได้ที่ระดับราคา 12.00 บาทในวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งหุ้นเพิ่มทุน ต้นทุนหุ้นละ 5.00 บาทเข้าซื้อขายได้เป็นวันแรก
b) เชื่อว่าราคาถ่านหินได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้ว และจะเข้าสู่การฟื้นตัวในปี 2559 โดยราคาถ่านหิน BJI สัปดาห์ล่าสุด เพิ่มขึ้น +2.9% wow เป็น US$54.19/ตัน ปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกัน และเพิ่มขึ้น +3.7% YTD
c) ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา YTD (คำนวณบนฐานที่กระทบผลการเพิ่มทุนแล้ว) ราคาหุ้น BANPU ยังใกล้เคียงกับราคาปิดสิ้นปี 2558 ที่ 12.10 บาท เทียบกับ SET ENERGY +22.1% และการรับรู้รายได้จากโครงการไฟฟ้าหงสาในปีนี้ จะเป็นตัวต่อยอดให้ผลประกอบการปี 2559 พลิกกลับเป็นกำไร 1,238 ล้านบาท และเติบโตสูง +45.7% yoy เป็น 2,164 ล้านบาท ในปี 2560
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 14 วันทำการ US$371 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$391 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
กระแสเงินทุนต่างชาติชะลอตัวชัดเจน
นักลงทุนต่างชาติคงการขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 อีกเพียง 436 ล้านบาท รวม 3 วันทำการขายสุทธิ 831 ล้านบาท และทำให้ YTD ต่างชาติซื้อสุทธิลดลงเล็กน้อย เป็น 27,354 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Long สุทธิเพียง 515 สัญญา คาดว่าเป็นการกลับมาทยอยเปิดสถานะ Long อีกครั้ง แม้ว่า S50M16 ปิดสูงกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 2 เท่ากับ 2.21 จุด จากวันก่อนหน้า ปิด Premium เพียง 0.28 จุดก็ตาม ทำให้ยอดสุทธิ QTD สถานะคงการ Long สุทธิยังยืนเหนือ 35,000 สัญญา เป็น 36,746 สัญญา
และนักลงทุนกลุ่มนี้คงการซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 8 ลดลงเหลือ 1,937 ล้านบาท รวม 8 วันทำการซื้อสุทธิ 65,163 ล้านบาท ขณะที่ราคาพันธบัตรไทยทรงตัวดีขึ้น ผ่านพันธบัตรไทย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลง 0.75bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 2.94bps ปิดที่ 2.088%
Short-Selling วานนี้
ลดลงเป็นวันที่ 3 เหลือ 839 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 887 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR ขายสุทธิวันที่ 3 เน้นลดน้ำหนักหุ้น JAS อย่างหนาแน่น
การซื้อขายผ่าน NVDR คงการขายสุทธิเป็นวันที่ 3 เร่งขึ้นเป็น 727 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิเพียง 87 ล้านบาท รวม 3 วันทำการ ขายสุทธิ 1,255 ล้านบาท ทั้งนี้ NVDR กลับมาลดน้ำหนักกลุ่ม ICT เป็นหลัก ขณะที่กลุ่มค้าปลีกและอสังหาฯ กลับเป็นเป้าหมายของการสะสมต่อเนื่องจากวันก่อนหน้า
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ไม่มี
ยุโรป
โอเปกคาดตลาดน้ำมันจะเข้าสู่สมดุลย์ในสิ้นปีนี้: รายงานล่าสุดโอเปก ยังคงประมาณการอุปสงค์ และอุปทานในปีนี้ไม่เปลี่ยนแปลง การหยุดผลิตของไนจีเรีย กดให้ปริมาณการผลิตของกลุ่มโอเปกลดลงเล็กน้อยเป็น 32.36 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนพ.ค. เทียบกับประมาณการอุปสงค์ 32.60 ล้านบาร์เรล/วัน ในช่วง 2H59 และด้วยความคาดหวังว่าเศรษฐกิจโลกจะดีขึ้น จะช่วยสร้างระดับสมดุลย์ของตลาดน้ำมันให้ดีขึ้นภายในสิ้นปีนี้
จีน
กำลังการผลิตน้ำมันดิบในจีนลดลงสูงสุดในรอบ 15 ปี: เดือนพ.ค. กำลังการผลิตน้ำมันลดลง 7.3% yoy เป็น 16.87 ล้านเมตริกตัน เป็นระดับการลดลงที่แรงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2544 สะท้อนถึงเงินลงทุนที่ถูกปรับลดลงในธุรกิจขุดเจาะน้ำมัน แต่จะหันมานำเข้าน้ำมันจากตะวันออกกลางและรัสเซีย มากขึ้น
ธนาคารกลางจีนพยายามสื่อสารกับ IMF อย่างใกล้ชิด: ด้วยประเด็นสำคัญทั้งเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจจีน ทั้งนี้จีนได้เสนอเข้าร่วมประชุมประจำปีของ IMF และธนาคารโลก เพื่อให้นโยบายของจีนมีน้ำหนักมากขึ้นในเวทีโลก
ตัวเลขเศรษฐกิจจีนออกมาเท่ากับ หรือ ดีกว่าคาด
- ผลผลิตภาคอุตฯ เดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 6.0% yoy เท่ากับที่ Bloomberg consensus คาดการณ์
- ยอดค้าปลีก เพิ่มขึ้น 10.0% yoy ในเดือนพ.ค.
- เงินลงทุนในสินทรัพย์ถาวระ เพิ่มขึ้น 9.6% yoy ใน 5M59 ซึ่งถือว่าต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2543 เป็นผลจากการลงทุนที่ลดลงในเหมืองถ่านหิน และอุตฯ เหล็ก ของรัฐวิสาหกิจ
เอเชียแปซิฟิก
อัตราเงินเฟ้ออินเดียเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดเป็นเดือนที่ 2: เดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 5.76% yoy เร่งขึ้นจากเดือนเม.ย.ที่ 5.47% yoy และสูงกว่า Bloomberg consensus คาด 5.6% yoy ทั้งนี้ ราคาอาหาร เพิ่มขึ้น 7.55% yoy เร่งขึ้นจากเดือนเม.ย.ที่ 6.40% yoy
ไทย
ไม่มี
โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 14 มิ.ย. 2559
ข่าวเด่น