ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วานนี้ เปิดฟื้นตัวสวนทางกับภาพรวมตลาดหุ้นในเอเชีย นำโดยกลุ่มธนาคารที่นำตลาด รวมถึงหุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นเชิงบวกเฉพาะตัว แต่ 1,430 จุดยังไม่ผ่านเช่นเดิม ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX บวก 6.24 จุด มาอยู่ที่ 1,428.10 จุด มูลค่าการซื้อขาย 45,074 ล้านบาท โดยกระแสเงินทุนต่างชาติชะลอตัวเป็นวันที่ 2 ขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 4 เพียง 74 ล้านบาท Short สุทธิใน SET50 Index Futures 4,946 สัญญา และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 9 วันทำการ 609 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
วานนี้รายการ Big Lot หุ้น STEC มูลค่า 5.29 พันล้านบาท ราคาเฉลี่ย 22.60 บาท
ติดตามผลการประชุมเฟดในคืนนี้ รวมถึงการแถลงผลการประชุม โดยประธานเฟด Janet Yellen
โพลล่าสุด Brexit ทรงตัว 46% อยู่กับอียู 41% ลดลงจากวันก่อนหน้าที่ 43% และยังไม่ตัดสินใจขยับขึ้นเล็กน้อยเป็น 13% จากวันก่อนหน้า 12%
MSCI ยังไม่นำหุ้น A-Share ของตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ เข้าคำนวณในดัชนี MSCI Emerging market
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 16)
แนวต้าน 1,430 จุด ยังคงทำได้อย่างแข็งแกร่ง และแม้ว่าวันนี้อาจมีแรงเก็งกำไรต่อผลการประชุมเฟดในคืนนี้ และทำให้ SET INDEX ทะลุ 1,430 จุดได้ แต่ก็มีโอกาสสูงที่จะเกิด Sell on Fact ในวันพรุ่งนี้ หากเฟดคงอัตราดอกเบี้ยอย่างที่ตลาดคาด แต่หากเฟดส่งสัญญาณที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยใน 1-2 เดือนข้างหน้า จะเป็นตัวแปรกดดัน SET INDEX ให้ปรับฐานลงสู่ 1,420 จุดได้อีกครั้ง
นอกจากนี้ ความเสี่ยงจากกรณี Brexit ที่รออยู่ในสัปดาห์หน้า การฟื้นตัวของ SET INDEX จึงเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้นในความเห็นของเรา
และหากพิจารณาจาก Valuation ของ SET INDEX ผ่าน PER16 เท่ากับ 15.32x เทียบกับค่าเฉลี่ย 1Yr Forward PER ย้อนหลัง 5 ปีที่ 15.29x หรือจะเป็นสัญญาณทางเทคนิกของ SET INDEX ที่ตึงตัว ทำให้เราเชื่อว่า SET INDEX ฟื้นตัวเป็นไปอย่างจำกัด อีกทั้งกระแสเงินทุนต่างชาติชะลอตัว เพื่อรอดูผลการประชุมเฟด และการโหวต Brexit หากเป็นไปตามที่เราประเมิน สถาบันภายในประเทศจะชะลอการลงทุนเช่นกัน
ดังนั้นประเมินกรอบแกว่ง SET INDEX วันนี้ระหว่าง 1,420-1,435 จุด หุ้น Domestic Play ยังคงเด่น เหนือ Global Play ที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ถูกกดดันจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่า หรือพักเงินไว้ใน Defensive / Dividend Stock
Stock Pick of The Day
1. สะสม JASIF : ราคาปิด 10.00 บาท ราคาเหมาะสม 12.00 บาท
a) MBKET ประเมินว่าหุ้นกลุ่มกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (IFF) ที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง จะเป็น Safe Haven สำหรับพักเงินที่ดี ภายใต้ภาวะการลงทุนทั่วโลกที่ผันผวนจากความกังวลต่อการทำประชามติของอังกฤษว่าจะอยู่ใน EU ต่อหรือไม่ ในวันที่ 23 มิ.ย.
b) คาดว่าการประชุมเฟดคืนนี้จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และเป็นบวกโดยตรงต่อหุ้นกลุ่ม High Dividend Yield
c) JASIF จ่ายเงินปันผลไตรมาสละ 0.22 บาท คิดเป็นเงินปันผลต่อปีหุ้นละ 0.88 บาท เทียบเท่า Dividend Yield สูงถึง 8.8% ประเมินราคาเป้าหมายโดยอิง Yield ที่ 7% ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของหุ้นกลุ่ม IFF และ REIT ที่ราว 6% จะได้ราคาเหมาะสมที่ 12.00 – 12.50 บาท
ข่าวเด่น