ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
กทม. หารือพัฒนาพื้นที่ป้อมมหากาฬ คาดรื้อย้ายได้หมดภายใน 2 เดือน


 


พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมคณะทำงานพัฒนาพื้นที่บริเวณป้อมมหากาฬ เพื่อสรุปผลการดำเนินงานที่ผ่านมาและพิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินโครงการ เมื่อวานนี้ (16 มิ.ย.)โดยมี พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ มีเพียร ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายภัทรุตม์ ทรรทรานนท์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร นายยุทธพันธุ์ มีชัย ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารหน่วยงานของกรุงเทพมหานคร และผู้แทนหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สำนักงาน ป.ป.ช. การเคหะแห่งชาติ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน และสมาคมผู้สื่อข่าวแห่งประเทศไทย ร่วมประชุม ณ ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกทม.
 

ตามที่รัฐบาลมอบหมายให้กรุงเทพมหานครและกรมศิลปากรร่วมกันพิจารณาจัดทำโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ป้อมมหากาฬให้เป็นพื้นที่สาธารณะ ตั้งแต่ปี 2545 และในปี 2547 ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาว่า เจ้าของอาคารได้ทำสัญญารับเงินจากกทม. แล้วให้กทม. เข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างได้ ทั้งนี้แม้ว่าสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยศิลปากร จะทำการศึกษาวิจัยโครงการ “ชุมชนบ้านไม้โบราณป้อมมหากาฬ” ซึ่งผลการศึกษาเสนอให้ชุมชนอยู่ในพื้นที่เดิมควบคู่การอนุรักษ์ป้อมมหากาฬ อย่างไรก็ตาม ในปี 2550 คณะกรรมการกฤษฎีกา และผู้ตรวจการแผ่นดิน มีความเห็นว่า กทม.จะนำที่ดินที่ได้ไปจัดทำชุมชนบ้านไม้โบราณไม่ได้ เนื่องจากผิดวัตถุประสงค์ของการเวนคืนและขัดต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเวนคืนฯ รวมทั้งหลักการคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินของบุคคลตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงขอให้กทม. ดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยสิ่งปลูกสร้างที่กทม. ต้องดำเนินการรื้อย้ายทั้งหมดมีจำนวน 102 หลังคาเรือน ซึ่งกทม. ได้ดำเนินการจ่ายค่าทดแทนไปแล้ว และมีบ้านเรือนที่ดำเนินการรื้อย้ายออกไปแล้วบางส่วน ปัจจุบันคงเหลืออยู่ 56 หลังคาเรือน

รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กทม. จะเจราจากับผู้ที่ยังไม่รื้อย้ายเป็นครั้งสุดท้าย โดยล่าสุดพบว่ามีประชาชน 42 ครัวเรือน ยินดีให้ความร่วมมือและรับเงินค่าทดแทนครบแล้ว ส่วนอีก 14 ครัวเรือน รับเงินค่าชดเชยไปแล้ว 75 เปอร์เซ็นต์ แต่ยังไม่ยอมย้าย คณะทำงานชุดนี้จะเข้าไปเจราจากับผู้ที่ยังไม่ยอมย้ายอีกครั้งเพื่อหาทางออกร่วมกัน หากการเจรจาหากไม่สำเร็จจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป คาดว่าจะสามารถรื้อย้ายสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดได้ภายใน 1–2 เดือน จากนั้นจะหารือกับคณะกรรมการเกาะรัตนโกสินทร์เพื่อปรับปรุงพื้นที่ป้อมมหากาฬเป็นสวนสาธารณะตามวัตถุประสงค์ของโครงการต่อไป

 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 17 มิ.ย. 2559 เวลา : 07:01:51

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 3:23 am