แสนสิริชี้ดีมานด์คอนโดมิเนียมใน T77 บนถนนสุขุมวิท 77 ของชาวต่างชาติยังคงเติบโตต่อเนื่อง หลัง"ฮาสุ เฮาส์" มูลค่าโครงการ 1,350 ล้านบาทปิดการขายอย่างสวยงามด้วยยอดขายลูกค้าต่างชาติสูงถึง 48% กลุ่มลูกค้าที่ซื้อสูงสุด คือ ชาวฮ่องกง อังกฤษ และสิงคโปร์ ,มาเลเซีย ระบุส่วนใหญ่ซื้อเพื่ออยู่เองเพราะชื่นชอบการออกแบบ รวมทั้งที่ตั้งโครงการใกล้ CBD เดินทางสะดวกแต่ก็สงบด้วยทำเลริมน้ำ T77 พร้อมประกาศการผนึกกำลังกับมั่นคงเคหะการและโรงเรียนนานาชาติบางกอก เพรพ ผลักดันให้ T77 เป็นศูนย์กลางแห่งไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของชาวไทยและชาวต่างชาติอย่างแท้จริง เผยเตรียมเปิดตัวโมริ เฮาส์ มูลค่า 1,600 ล้านบาทแก่ลูกค้าไทยเดือนสิงหาคมนี้หลังกวาดยอดขายต่างชาติมาแล้วกว่า 700 ล้านบาท
นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แสนสิริสามารถปิดการขายโครงการฮาสุ เฮาส์ (hasu HAUS) มูลค่า 1,350 ล้านบาท ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรซ์ของแสนสิริบนทำเลที 77 หรือที 77 คอมมูนิตี้ (T77: T77 Community) ได้ด้วยสัดส่วนลูกค้าไทย 52% และลูกค้าต่างชาติ 48% โดยลูกค้าต่างชาติที่ซื้อสูงสุด 3 อันดับ คือ ชาวฮ่องกง จำนวน 18% ของมูลค่าโครงการรวม หรือคิดเป็นมูลค่า 252 ล้านบาท, ชาวอังกฤษ จำนวน 7% หรือคิดเป็นมูลค่า 100 ล้านบาท และชาวสิงคโปร์และมาเลเซีย 5% หรือคิดเป็นมูลค่า 75 ล้านบาท
"กลุ่มลูกค้าที่ซื้อโครงการฮาสุ เฮาส์ส่วนใหญ่เป็นเรียลดีมานด์ ที่ซื้อเพื่ออยู่เองเนื่องจากทำเล "ที77(T77)" ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยชีวิตเมืองอย่างแท้จริงจากที่ตั้งบนถนนสุขุมวิท 77 ใกล้รถไฟฟ้าและทางด่วนที่สามารถเดินทางไปยังศูนย์กลางด้านธุรกิจและไลฟ์สไตล์ได้อย่างสะดวกสบาย การออกแบบโครงการที่แม้อยู่ในเมืองแต่ก็มอบความสงบและละเมียดละไมในการใช้ชีวิต อีกทั้งทำเล "ที77(T77)" ยังเป็นคอมมูนิตี้คุณภาพที่มอบสุนทรียะแห่งการใช้ชีวิตในอีกระดับเพราะสามารถรองรับความต้องการของทั้งชาวต่างชาติและชาวไทยด้วยโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพจากแสนสิริ, อพาร์ทเมนต์ระดับพรีเมี่ยมของมั่นคงเคหะการ, แคมปัสใหม่ของระดับชั้นมัธยมของโรงเรียนนานาชาติบางกอก เพรพที่จะเปิดในเดือนสิงหาคมปี 2560 ตลอดจน "ฮาบิโตะ" ไลฟ์สไตล์คอมมูนิตี้มอลล์ที่ออกแบบโดย Winkreative นำทีมโดย Mr. Tyler Brûle ผู้ก่อตั้งหนังสือชื่อดังระดับโลกอย่าง Monocle ที่จะมามอบสีสันของไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของกลุ่มคนรุ่นใหม่เพราะภายในอัดแน่นด้วยร้านอาหารนานาชาติกว่า 15 ร้าน พร้อมมีฮับบาโตะ โคเวิร์คกิ้ง สเปซ (HUBBA-TO Coworking Space) พื้นที่สร้างสรรค์งานคราฟท์ (craft) ที่ใหญ่และครบครันที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นจุดแตกต่างที่ทำให้ "ที77(T77)" เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ที่ลูกบ้านแสนสิริสามารถใช้ชิวิตดีๆตั้งแต่เช้าจรดค่ำได้อย่างสมบูรณ์แบบ"
นายอุทัย กล่าวต่อว่า สำหรับลูกค้ากลุ่มนักลงทุน เหตุผลหลักที่ตัดสินใจลงทุนในฮาสุ เฮาส์ เนื่องจากความเชื่อมั่นในแบรนด์ของแสนสิริ ศักยภาพของทำเลที่ถือเป็นโซนที่ใกล้ทำเลสุขุมวิทตอนกลางอย่าง เอกมัย ทองหล่อและพร้อมพงษ์ที่สุ ดจึงมีความต้องการจากลูกค้าชาวไทยและต่างชาติเป็นจำนวนมากและทำให้มีผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าสูงถึง 5-7% ต่อปี ขณะที่เงินลงทุนในการซื้อคอนโดมิเนียมต่ำกว่าคอนโดมิเนียมในโซนเอกมัย ทองหล่อ และกรุงเทพฯชั้นในราว 30-70%
"แสนสิริได้จับมือกับบริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด(มหาชน) และโรงเรียน Bangkok International Preparatory and Secondary School (บางกอกเพรพ) ในการร่วมพัฒนาพื้นที่ "ที77(T77)" ให้เป็นฮับแห่งการอยู่อาศัย การศึกษา และไลฟ์สไตล์ที่ตอบสนองทุกความต้องการของชาวต่างชาติและชาวไทยรุ่นใหม่อย่างแท้จริงเพราะเราเห็นพ้องกันว่าดีมานด์ความต้องการคอมมูนิตี้เพื่อการใช้ชีวิตที่มีความปลอดภัยในระดับสูง มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และเดินทางสะดวกสบายยังเป็นสิ่งที่โซนสุขุมวิทยังขาดอยู่ ในขณะที่ความต้องการของกลุ่มลูกค้าขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในอนาคตเราเชื่อมั่นว่า "ที77(T77)" จะเป็นหนึ่งในทำเลที่ทั้งชาวต่างชาติและชาวไทยต้องจับตามองอย่างแน่นอน ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองดีมานด์ความต้องการที่เติบโต แสนสิริจึงได้วางแผนที่จะเปิดขายโครงการโมริ เฮาส์ (mori HAUS) มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท ให้แก่ลูกค้าชาวไทยอย่างเป็นทางการในเดือนสิงหาคมนี้ หลังจากประสบความสำเร็จจากการขายลูกค้าในญี่ปุ่น ฮ่องกงและสิงคโปร์มาแล้วด้วยยอดขายรวมกว่า 700 ล้านบาท ซึ่งแสนสิริก็มั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับจากลูกค้าชายไทยเป็นอย่างดีเช่นกัน" คุณอุทัย กล่าวสรุป
ข่าวเด่น