'สินทรัพย์ประกันภัยโชว์วิสัยทัศน์ปี59 เน้นปรับปรุงองค์กรให้กระชับ จัดการบริหารต้นทุนลดค่าใช้จ่าย ตัดพอร์ตแท็กซี่ทิ้งเหตุเคลมสูง ลดการขาดทุน วางเป้าไว้ใกล้เคียงกับปี’58 ที่ 980 ล้านบ. คาดครึ่งปีหลังผลประกอบการจะสมูทและดีขึ้นเพิ่มเป็นบวก ท้าชนกูรูประกันฯลั่น “สินทรัพย์ประกันภัยฯ” ต้องเป็น 1 ใน 30 บริษัทประกันภัยขนาดกลาง ที่ยังดำเนินการอยู่ได้ตลอดไปเพราะกุมตลาด “ นิช มาร์เก็ต ”ไว้ในมือเหนียวแน่น
ดร.สมนึก สงวนสิน ประธานกรรมการบริหาร บมจ.สินทรัพย์ประกันภัย เปิดเผยว่า “ในปี 2559 นี้ บริษัทมีการปรับปรุงและบริหารจัดการองค์กร โดยเฉพาะในเรื่องของการบริหารต้นทุน และลดค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ บริษัทมองว่าหากบริหารจัดการในส่วนของต้นทุนบริหารได้ จะทำให้บริษัทมีผลการดำเนินงานที่เป็นบวกมากยิ่งขึ้น ซึ่งบริษัทได้ปรับลดเป้ายอดขายในปีนี้ใหม่ลดลงมาเหลือใกล้เคียงกับปี 2558 คือประมาณ 980 ล้านบาท หรืออาจเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 5 % จากแผนเดิมที่เคยตั้งเป้าไว้ว่าเราจะทำเบี้ยให้ได้ประมาณ 1,200 ล้านบาท”
“เราเน้นในเรื่องของคุณภาพและผลิตภัณฑ์ เราไม่แข่งเรื่องราคา เพราะประกันภัยมีการแข่งขันราคาสูงมากมีการตัดราคากันจนทางนายกสมาคมประกันวินาศภัยไทยจะได้มีการนัดพูดคุยและหารือกับผู้บริหารของบริษัทประกันต่างๆเร็วๆนี้เพื่อมิให้มีการแข่งขันตัดราคากันไม่ทำให้ราคาในตลาดลดลงต่ำไปกว่านี้อีก”
อย่างไรก็ดีในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ฐานลูกค้าหลักของบริษัทคือกลุ่มรถแท็กซี่นั้นเริ่มมีอัตราความเสียหาต่อเบี้ยประกันภัยหรือ ลอส เรโช นั้นเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 89-110 % จากเดิมที่ในช่วง 3 ปีแรกที่เริ่มทำตลาดนั้นอัตราของลอส เรโชอยู่ที่ระดับ 58 % เท่านั้นแต่ในตอนหลังเพิ่มขึ้นมาก จนเราต้องมีการขึ้นเบี้ยประกันเพิ่มอีก 2 พันบาทพรือคิดเป็น 25 % ของลอสเรโชเพื่อไม่ทำให้บริษัทต้องขาดทุนเพิ่มขึ้นไปอีก
ซึ่งในส่วนของงานรับประกันภัยรถแท็กซี่นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นการรับประกันภัยประเภทชั้นสามนั้น โดยบริษัทจะมุ่งเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นสหกรณ์และกลุ่มแท็กซี่บุคคล รวมถึงทางด้านโบรกเกอร์ และตัวแทน หรือเจาะเข้าไปอย่างบริษัทมหาชน และเข้าถึงเจ้าของโดยตรง
“ลูกค้าแท็กซี่ส่วนใหญ่ของเราที่ทำประกันภัยประเภทชั้น 3 ไว้และมีเบี้ยรวมกันอยู่ที่ประมาณ 200 ล้านบาท/ปี แต่เมื่อสถิติการเคลมของเราไม่ดี มีสินไหมสูง ขาดทุนเดือนละ 2 ล้านบาท เราก็ต้องสกัด คือเมื่อถึงเวลาต่ออายุเราก็ต้องเพิ่มเบี้ยอีก 2 พันบาทจากเดิมทำไว้ที่ 8 พันบาท ก็เพิ่มเป็น 1 หมื่นบาทเพื่อให้สอดคล้องกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นและดึงตัวเลขค่าเคลมให้ลดลงมา จึงทำให้ลูกค้าแท็กซี่ที่เคยทำกับเราหันไปทำกับบริษัทอื่นที่ถูกกว่าแทน” ดร. สมนึกกล่าว
ดร.สมนึก กล่าวถึงเรื่องลอส เรโชของบริษัทฯต่ออีกว่า ไม่ได้แตกต่างไปจากบริษัทอื่นแต่อย่างใดและยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของอุตสาหกรรมประกันภัยบ้านเราเพราะเราเป็นบริษัทขนาดกลางที่เน้นในเรื่องของการดูแลลูกค้าและการบริการ ซึ่งก็คาดว่าในครึ่งปีหลังนี้ผลประกอบการของบริษัทน่าจะราบรื่นและดีขึ้นตามลำดับหลังจากที่เราลดการรับประกันภัยแท็กซี่ลงไป
ทั้งนี้ปัจจุบันเราต้องดูว่างานประกันภัยแต่ละงาน ที่เราจะรับงานเข้ามานั้นมันขาดทุนหรือไม่ เพราะในแวดวงของผู้ประกอบการนั้นไม่ได้มีการได้เปรียบหรือเสียเปรียบกันเท่าใดอย่างพี.เอ หรือรถยนต์ เราจะไม่ดันทุรังที่จะเก็บพอร์ตที่ไม่ดีไว้มันไม่มีประโยชน์
“ประกันภัยทุกวันนี้สู้กันด้วยOE หรือ Operating Expense ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน การจัดการองค์กรที่เหมาะสม เอาเทคโนโลยี่ หรือ ITเข้ามาเสริม คนของเราก็ไม่ได้มากและไม่ได้ทำให้เราเดือดร้อนบวกลบ ปีหนึ่ง ถ้าลบก็ไม่เกิน 10-20 ล้านบาท หรือถ้าบวกก็ประมาณ 30-40 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่เราแข่งขันได้ เราพยายามทำองค์กรของเราให้กระชับ” ดร.สมนึกกล่าว
สำหรับเรื่องพันธมิตรที่จะเข้ามาร่วมทำธุรกิจนั้น ดร.สมนึกกล่าวว่า ก็มีอยู่บ้างที่คุยๆกันอยู่ ส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทต่างชาติซึ่งถ้าจะเข้ามาร่วมธุรกิจกับเรานั้นก็ต้องอยู่ในกฎเกณฑ์ที่เราบริหารอยู่ เราไม่ได้ต้องการเงิน เราต้องการเทคโนโลยี่และโนฮาว ถ้าเราจะเติบโต หนึ่งบวกหนึ่งต้องเป็นสาม ถ้าจะเอาเงินมาอย่างเดียวเราไม่ต้องการ เราไม่ได้เดือดร้อน
“อย่างที่มีกูรูประกันภัยเคยพูดไว้ว่า ต่อไปบริษัทประกันภัยที่มีอยู่ทั้งหมดนั้น ต่อไปจะเหลือบริษัทที่ยังคงดำเนินกิจการต่อไปอยู่ได้เพียง 30 บริษัท เราบริษัทสินทรัพย์ประกันภัยฯ เป็นบริษัทประกันภัยขนาดกลาง เราจะทำให้ดูว่าเราก็ยังอยู่ได้ต่อไป ถ้าตราบใดเราจับตลาดเฉพาะกลุ่ม หรือ นิช มาร์เก็ต และและสามารถทำให้องค์กรลดต้นทุนค่าใช้จ่ายลงได้” ดร. สมนึกกล่าว
ปัจจุบันบริษัทสินทรัพย์ ประกันภัย จำกัด (มหาชน) มีพอร์ตการรับประกันภัย โดยแบ่งสัดส่วนเป็นเป็นพอร์ตรถยนต์ 85% และ 15 % เป็นงานนอนมอเตอร์และเบ็ดเตล็ด
อย่างไรก็ตาม ดร.สมนึกได้กล่าวในตอนท้ายว่าบริษัทได้ร่วมมือกับ บริษัทไรเดอร์ อินชัวร์รัน โบรกเกอร์ จำกัด และ สปีด แชลแนล ดำเนินโครงการ พ.ร.บ.อิ่มใจ โดยการจำหน่ายประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับจำนวน 1 แสนกรมธรรม์ภายในระยะเวลา 6 เดือน ทั้งนี้ 1 กรมธรรม์บริษัทจะสบทบทุน 100 บาท เพื่อร่วมสร้างอาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา โรงพยาบาลศิริราช ซี่งจะสร้างเสร็จในปี 2562 โดยจะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้เป็นต้นไป” ดร.สมนึก กล่าว
ข่าวเด่น