วันนี้ (23 มิ.ย.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายนพดล หลาวทอง ทนายความผู้รับมอบอำนาจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมายื่นอุทธรณ์ คดีที่ศาลอาญาพิพากษายกฟ้องคดีหมายเลขดำ อท.44/2559 ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายจิรชัย มูลทองโร่ย รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการสอบข้อเท็จจริงความผิดทางละเมิดโครงการรับจำนำข้าว เป็นจำเลย ในความผิดฐาน ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้องในชั้นตรวจคำฟ้อง
นายนพดล กล่าวว่า กรณีการยื่นฟ้องคดีอาญาต่อนายจิรชัย มูลทองโร่ย รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการว่าด้วยการรับผิดแพ่งคดีทุจริตโครงการจำนำข้าว ในข้อหาเป็นพนักงานผู้ปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ว่า นายจิรชัย ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดในโครงการรับจำนำข้าว โดยนายจิรชัย ได้มีความเห็นให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ รับผิดต่อความเสียหายที่เกิดจากโครงการรับจำนำข้าวเป็นเงิน 2.8แสนล้านบาท ซึ่งจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า นายจิรชัย ได้ปฎิบัติหน้าที่ดังกล่าว โดยมิชอบ ขาดความเที่ยงธรรม ไม่เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบ การกำหนดความเสียหายของคณะกรรมการฯชุดดังกล่าว ไม่ดำเนินการไต่สวนพยานบุคคล ไม่แสวงหาข้อเท็จจริง ไม่ดำเนินการตรวจสอบสินค้าคงเหลือให้ครบถ้วน ไม่สอบพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งไม่ได้นำราคาข้าวสารที่คงเหลือในสต๊อกมาคำนวณหักออกจากความเสียหายก่อนการปิดบัญชี
นอกจากนี้ คณะกรรมการฯชุดดังกล่าวยังไม่ได้สรุปว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นจากหน่วยงานใด แต่กลับกำหนดความเสียหายและกล่าวหากับรัฐบาลของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าดำเนินโครงการรับจำนำข้าวแล้วทำให้เกิดความเสียหายทั้งที่โครงการดังกล่าวเป็นเรื่องของนโยบายที่เน้นการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรไม่ใช่เรื่องการค้าที่ต้องมีกำไรหรือขาดทุน หากมีความเสียหายก็มิได้เกิดจากการกระทำของน.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยตรง ดังนั้นการกระทำของนายจิรชัย จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และโดยทุจริต อีกทั้งกระทำตามคำสั่งโดยมิชอบด้วยกฎหมายเพื่อมุ่งหมายกลั่นแกล้งน.ส.ยิ่งลักษณ์
อย่างไรก็ตามการยื่นฟ้องนายจิรชัยนั้น ในชั้นการตรวจรับคำฟ้อง ศาลอาญาได้นัดฟังคำสั่งเมื่อวันที่ 27 พ.ค. 2559 แต่ก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2559 นายจิรชัย ได้ยื่นคำร้องขอคัดถ่ายสำเนาคำฟ้องของนางสาวยิ่งลักษณ์โดยศาลได้อนุญาตให้นายจริชัย คัดสำเนาคำฟ้อง ทั้ง ๆที่นายจริชัย ไม่น่าจะรู้มาก่อนเลยว่าตนเองถูกฟ้อง อีกทั้งศาลอาญายังไม่ได้ดำเนินการส่งคำฟ้องไปยังนายจิรชัย แต่อย่างใด จึงเป็นที่น่าระแวงสงสัยว่า เหตุใดนายจิรชัย จึงรู้ว่ามีการยื่นฟ้องตนเองและสามารถขอคัดสำเนาคำฟ้องได้ก่อนที่ศาลจะมีคำสั่ง
นายนพดล กล่าวอีกว่า หลังจากที่นายจิรชัย ได้คัดสำเนาคำฟ้องไปแล้ว ศาลอาญาได้สั่งคำร้องและดำเนินกระบวนการพิจารณาที่ไม่เป็นไปตามปกติหลายประการ เช่น สั่งให้การพิจารณาคดีนี้เป็นไปตามระบบการไต่สวน ตามระเบียบของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาและให้จำเลยแถลงโต้แย้งคำฟ้องของโจทก์เข้ามาในคดีได้และศาลสั่งให้รับไว้พิจารณา โดยให้โจทก์ทำคำแก้คำแถลงของจำเลย ซึ่งกระบวนการดังกล่าวตนเห็นว่าเป็นกระบวนการที่ไม่ปกติ ในฐานะทนายความผู้รับมอบอำนาจจากโจกท์ จึงได้ยื่นคำร้องขอคัดค้านคำสั่งและกระบวนการพิจารณาโดยมิชอบดังกล่าว โดยขอให้ศาลสั่งเพิกถอนรวมถึงร้องต่อประธานศาลฎีกาในฐานะผู้รักษาระเบียบที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ต่อมาในวันที่ 10 มิ.ย. 2559 ศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้องโจทก์ ดังนั้นโจทก์จึงจำเป็นต้องยื่นอุทธรณ์โต้แย้งคำพิพากษาของศาลอาญาอีกครั้งในวันนี้ (23 มิ.ย.)
ข่าวเด่น