กรมการขนส่งทางบก เผยเฉพาะเดือนพฤษภาคม 2559 สามารถจัดเก็บภาษีรถยนต์ในเขตกรุงเทพมหานครได้กว่า 719 ล้านบาท เป็นการชำระภาษีรถผ่านสำนักงานของกรมการขนส่งทางบกมากที่สุด ขณะที่ยอดผู้ใช้บริการชำระภาษีรถผ่านเว็บไซต์ www.dlte-serv.in.th เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายณันทพงศ์ เชิดชู รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า จากการที่กรมการขนส่งทางบกได้อำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถเลือกชำระภาษีรถประจำปีได้หลากหลายช่องทาง ผลปรากฏว่าเฉพาะเดือนพฤษภาคม 2559 สามารถจัดเก็บภาษีรถในเขตกรุงเทพมหานครได้ทั้งสิ้น 719,235,676.02 บาท เป็นการใช้บริการรับชำระภาษีรถยนต์ ณ สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 – 5 ของกรมการขนส่งทางบกมากที่สุด จำนวน 462,631 ราย จัดเก็บภาษีรถได้ทั้งสิ้น 526,352,321.73 บาท รองลงมาเป็นการใช้บริการรับชำระภาษีรถผ่านช่องทาง “เลื่อนล้อ ต่อภาษี” (Drive Thru for Tax) ชำระภาษีโดยไม่ต้องลงจากรถ จำนวน 59,150 ราย จัดเก็บภาษีรถได้ทั้งสิ้น 107,163,199.78 บาท และการใช้บริการชำระภาษีรถที่ห้างสรรพสินค้าในวันเสาร์ – อาทิตย์ตามโครงการ “ช้อปให้พอ แล้วต่อภาษี” (Shop Thru for Tax) ที่ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลรามอินทรา เซ็นทรัลลาดพร้าว และศูนย์การค้าพาราไดซ์พาร์ค จัดเก็บภาษีรถได้ทั้งสิ้น 52,952,988.66 บาท
ขณะที่การชำระภาษีรถผ่านเว็บไซต์ www.dlte-serv.in.th มีผู้ใช้บริการ จำนวน 5,869 ราย จัดเก็บภาษี ได้ทั้งสิ้น 13,573,579.35 บาท ส่วนการรับชำระภาษีรถผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส มีผู้ใช้บริการ จำนวน 8,024 ราย สามารถจัดเก็บภาษีได้ทั้งสิ้น 9,122,389 บาท ทั้งนี้ การชำระภาษีรถประจำปีนั้น เจ้าของรถสามารถชำระภาษีรถล่วงหน้าก่อนครบกำหนดไม่เกิน 90 วัน และต้องไม่ค้างชำระภาษีรถเกินกว่า 1 ปี สำหรับรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานครบ 7 ปี หรือรถจักรยานยนต์ที่มีอายุการใช้งานครบ 5 ปี ต้องมีใบรับรองการตรวจสภาพรถจากสถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) มาแสดงด้วย โดยจะมีสมุดคู่มือจดทะเบียนรถหรือไม่ก็ได้ รวมถึงรถที่ติดตั้งแก็สต้องมีหนังสือรับรองการตรวจสอบและทดสอบตามระยะเวลาที่กำหนด ตลอดจนต้องมีกรมธรรม์ประกันภัยตามพ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถโดยคงเหลือระยะเวลาคุ้มครองไม่น้อยกว่า 3 เดือน ซึ่งกรมการขนส่งทางบกอยู่ในระหว่างจัดทำระบบรายงานผลการตรวจสภาพรถจาก ตรอ. แบบออนไลน์ โดยไม่ต้องใช้ใบรับรองการตรวจสภาพอีกต่อไป และคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนกรกฎาคมนี้
รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้กรมการขนส่งทางบกยังได้พัฒนาช่องทางการให้บริการผ่านแอพพลิเคชั่น DLT eForm โดยมีคู่มือแนะนำการติดต่องานด้านทะเบียนและภาษีรถ สถานที่ ติดต่อ เบอร์โทรศัพท์ แผนที่ เอกสาร และหลักฐานที่ต้องใช้ พร้อมดาวน์โหลดแบบฟอร์มคำขอต่างๆแบบออนไลน์ เพื่อกรอกข้อมูลแล้วนำมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวก รวดเร็ว ลดระยะเวลาและขั้นตอนในการติดต่อขอรับบริการให้น้อยลง เพียงสแกน QR Code DLT eForm ที่ปรากฏบนสื่อประชาสัมพันธ์ของกรมการขนส่งทางบก หรือจากเว็บไซต์ www.dlt.go.th หรือดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นได้ฟรีผ่าน App Store , Google Play และ Window Phone
ข่าวเด่น