นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยรายงานจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองกวางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีนว่า เศรษฐกิจจีนยังมั่นคง ดังจะเห็นได้จากข้อมูลผลผลิตภาคอุตสาหกรรมจีนที่ขยายตัวในเดือนพฤษภาคม ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และโครงสร้างการลงทุนดีขึ้น แม้ตัวเลขการลงทุนจะขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวลง การร่วมทุนในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีสูงและธุรกิจบริการสำหรับกลุ่มแม่และเด็ก มีลู่ทางแจ่มใสและน่าจะเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทย
ข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) ระบุว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ซึ่งถือเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจในเดือนพฤษภาคม 2559 ปรับตัวขึ้นร้อยละ 6 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า และเมื่อเทียบกับเดือนเมษายน 2559 เติบโตขึ้นร้อยละ 0.45 โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2559 ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเติบโตขึ้นร้อยละ 5.9 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า และสูงกว่า 4 เดือนแรกของปี ซึ่งเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 5.8 โครงสร้างอุตสาหกรรมของจีนกำลังพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง โดยผลผลิตในอุตสาหกรรมไฮเทคและอุปกรณ์ยังขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยในเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.5 และ 8.5 ตามลำดับ การลงทุนสินทรัพย์ถาวรในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เติบโตร้อยละ 9.6 ต่ำกว่าระดับการขยายตัวร้อยละ10.5 ในช่วง 4 เดือนแรก เนื่องจากการลงทุนของเอกชนชะลอตัว และกำลังการผลิตส่วนเกินของอุตสาหกรรม ล้วนมีผลต่อเศรษฐกิจอย่างมาก
นักวิเคราะห์เศรษฐกิจของจีนให้ข้อมูลว่า การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของจีนขยายตัวในอัตราที่ลดลง เนื่องจากการลงทุนของภาคเอกชนชะลอตัว ทั้งนี้ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ การลงทุนของภาคเอกชนจีนขยายตัวร้อยละ 3.9 ซึ่งลดลงจากการขยายตัวในช่วง 4 เดือนแรกร้อยละ 5.2 การชะลอตัวการลงทุนของภาคเอกชนสะท้อนว่า แรงขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจจีนจำเป็นต้องมีการเสริมสร้างความแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจจีนยังคงแข็งแกร่ง โดยการลงทุนของภาคเอกชนนั้นคิดเป็นร้อยละ 62 ของมูลค่าการลงทุนทั้งหมด
แม้ว่าการเติบโตของการลงทุนจะชะลอตัว แต่โครงสร้างการลงทุนมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางดีขึ้น มีการลงทุนในภาคเทคโนโลยี และภาคบริการ ขณะที่เม็ดเงินลงทุนในอุตสาหกรรมที่มีการใช้พลังงานสูงหรือกำลังการผลิตส่วนเกิน มีเงินทุนลดลง ซึ่งจีนจะเดินหน้าปรับโครงสร้างฝั่งอุปทานต่อไป พร้อมกับขยายอุปสงค์ของประเทศ ทั้งนี้ GDP ของจีนในไตรมาสแรกขยายตัวร้อยละ 6.7 เมื่อเทียบกับข่าวเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นอัตราขยายตัวที่ชะลอตัวสุดนับตั้งแต่วิกฤตการเงินโลกช่วงต้นปี 2009 แต่ในปีนี้ GDP จีนยังรักษาระดับเป้า GDP อย่างเป็นทางการได้ ซึ่งจะอยู่ระหว่างร้อยละ 6.5-7
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า “แม้ว่าเศรษฐกิจจีนต้องเจออุปสรรคทั้งจากภายนอกภายใน แต่ยังคงมีการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ ผู้ประกอบการไทยควรหาโอกาสหรือความร่วมมือลงทุนเกี่ยวกับอุตสาหกรรมประเภทไฮเทคโนโลยี เช่น ผู้ประกอบการอาจศึกษาสินค้าหรือเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่สามารถนำระบบไปปรับใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมในไทย ข้อดี คือเทคโนโลยีของจีนมีความทันสมัยและต้นทุนต่ำ หรือร่วมทุนธุรกิจบริการกับผู้ประกอบการชาวจีน ซึ่งอาจจะเน้นกลุ่มลูกค้าแม่และเด็กหรือผู้สูงวัย เช่น ธุรกิจอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการมีบุตร หรือธุรกิจนวดแผนไทยให้กับผู้สูงวัยในจีน เป็นต้น”
ข่าวเด่น