EGA เดินหน้าลดการใช้สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน จับมือกรมการปกครองลุยติดตั้งระบบ GIN ให้ภาครัฐ 134 หน่วยงาน พร้อมรีแพคเกจโครงสร้างพื้นฐาน จัดบริการชุดใหญ่พร้อมเชื่อมต่อระบบ Any ID ของรัฐบาล
ดร.ศักดิ์ เสกขุนทด ผู้อำนวยการ สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ EGA เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง จัดตั้ง Linkage Center หรือ การบูรณาการฐานข้อมูลประชาชนและการบริการภาครัฐ ขึ้นเพื่อสนับสนุนให้หน่วยงานราชการที่ได้จัดทำบันทึกความเข้าใจ หรือ MOU กับกรมการปกครองจำนวน 134 แห่ง สามารถเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลในการบูรณาการฐานข้อมูลประชาชนและการบริการภาครัฐได้ง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพด้านความมั่นคงปลอดภัยสูง บนพื้นฐานการบริการที่ดีที่สุด
“ในทางเทคนิคแล้ว ทั้ง 134 หน่วยงานสามารถเชื่อมโยงเครือข่ายของสำนักบริหารการทะเบียนได้โดยตรง แต่จะไม่มีการจัดทำระบบสำรองการใช้งานไว้ ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบการใช้งานย้อนหลังได้ ดังนั้นหากหน่วยงานต่างๆ หันมาใช้บริการของ EGA ซึ่งมีทั้งด้านเครือข่าย ระบบสำรองข้อมูล และบริการอื่นๆ จะทำให้การเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์เกิดประโยชน์ได้สูงสุด”
ทั้งนี้ การสร้าง Linkage Center ขึ้น เป็นการ Repackage แรกของ EGA เนื่องจากที่ผ่านมาการให้บริการโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดจะมุ่งเน้นในด้านเทคโนโลยี แต่การพัฒนาบริการครั้งนี้จะเน้นการจัดโซลูชั่นตามลักษณะงานของผู้ใช้ โดยให้หน่วยงานรัฐที่ต้องการเชื่อมโยงกับข้อมูลของทะเบียนราษฎร์ ก็จะได้กลุ่มบริการและเทคโนโลยีที่หลากหลายไปใช้ตามความเหมาะสมของหน่วยงานนั้นๆ ได้ทันที ดังนี้
1. ได้ใช้ระบบเครือข่ายสื่อสารข้อมูลเชื่อมโยงหน่วยงานภาครัฐ Government Information Network หรือ GIN ที่ความเร็วและขนาดเหมาะสมกับการใช้งาน พร้อมกับระบบสำรองข้อมูล 2. ได้รับเครื่องอ่านบัตรประจำตัวประชาชน (Smart Card Reader) จากกรมการปกครองภายในปีงบประมาณนี้ เพื่อเพิ่มความสะดวกให้ประชาชนสามารถติดต่อกับหน่วยงานรัฐโดยไม่ต้องถ่ายสำเนาเอกสาร สามารถยืนยันตัวตนได้ทันที
3. EGA จะมีการอบรมการใช้งานเครื่องอ่านบัตรประจำประชาชน พร้อมกับให้ความรู้เรื่องการใช้งานระบบเครือข่าย GIN และต่อไปจะมีการพัฒนาซอฟต์แวร์ของภาครัฐสำหรับเชื่อมโยงกับระบบฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ และในส่วนซอฟต์แวร์การจัดการต่างๆ เพื่อมุ่งหวังให้แอปพลิเคชันของหน่วยงานรัฐที่ใช้งานบนโทรศัพท์มือถือที่เชื่อมต่อกับข้อมูลทะเบียนราษฎร์จะต้องเขียนด้วยระบบและมาตรฐานเดียวกันทั้งหมดในอนาคต นอกจากนี้หากหน่วยงานรัฐต้องการใช้บริการอื่นๆ ของ EGA เพื่อทำให้แพคเกจนี้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เช่น การใช้ระบบ G-Cloud (Government Cloud Service) หรือ การบริการคลาวด์สำหรับหน่วยงานภาครัฐ ก็สามารถใช้บริการได้ทันที
นอกจากนี้ระบบ Linkage Center ยังได้วางระบบเพื่อให้สามารถรองรับบริการใหม่ๆ ได้ในอนาคต อย่างเช่นระบบ Any ID ของรัฐบาลที่ต้องการให้ประชาชนสามารถเชื่อมโยงบริการของภาครัฐโดยใช้หมายเลขประจำตัวประชาชน 13 หลักบัญชีเดียว และการทำธุรกรรมการเงินผ่านระบบ “พร้อมเพย์ (PromptPay)” ซึ่งเป็นระบบใหม่ที่รัฐบาลกำลังจะนำมาใช้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้อีกด้วย
ด้านนายวิเชียร ชิดชนกนารถ ผู้อำนวยการ สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง เปิดเผยว่า แนวทางการบูรณาการฐานข้อมูลประชาชนและการบริการภาครัฐ จะเริ่มจากให้สำนักทะเบียนกลางเป็นหน่วยงานกลางในการเชื่อมโยงฐานข้อมูลประชาชนของส่วนราชการ (Population Information Linkage Center) และทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการข้อมูล (Gate Way) ตามที่ส่วนราชการร้องขอ ต่อจากนั้นจะให้ส่วนราชการจัดทำฐานข้อมูลประชาชนของตนเองตามอำนาจหน้าที่ โดยใช้เลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก เป็นดัชนีในการจัดเก็บข้อมูลและมีหน้าที่ปรับปรุงฐานข้อมูลให้ครบถ้วน ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน
เมื่อเสร็จแล้วจะให้ส่วนราชการที่มีฐานข้อมูลประชาชนจัดทำระบบให้บริการตรวจสอบข้อมูล (Services) เพื่อรองรับการอ่านข้อมูลประชาชน (Read Only) จากระบบคอมพิวเตอร์ของสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง สุดท้ายก็จะให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่มีหน้าที่ให้บริการประชาชน ปรับปรุงระบบการบริการประชาชน
ดังนั้นแผนงานที่จะรองรับการใช้บัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์ (Smart Card) และเชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์กับระบบคอมพิวเตอร์ของสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง เพื่อเรียกใช้ข้อมูลในการให้บริการประชาชนจากระบบฐานข้อมูลประชาชนของหน่วย งานต่างๆ ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ของสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง ทดแทนการใช้สำเนาเอกสาร จะเริ่มจากการจัดหาระบบ Linkage Center โดยเริ่มจากเดือน กรกฎาคม 2559 - กุมภาพันธ์ 2560 ต่อจากนั้นจะเป็นการจัดฝึกอบรมการพัฒนามาตรฐานรับส่งข้อมูลในระบบ Linkage Center แล้วถึงจะให้ส่วนราชการปรับปรุงและพัฒนาระบบ ทดสอบระบบ โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการข้อมูลในระบบ Linkage Center ช่วงเดือนมีนาคม 2560 เป็นต้นไป
ส่วนโครงการจัดหาอุปกรณ์เครื่องอ่านบัตรประจำตัวประชาชน ของกรมการปกครองนั้นจะใช้วงเงินงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท โดยกระบวนการจัดซื้อจะเสร็จสิ้นในสิ้นปีนี้ ขณะเดียวกันก็จะมีการฝึกอบรมการใช้งานให้ส่วนราชการควบคู่ไปในขณะจัดซื้อ และจะสามารถจัดส่งให้ทุกหน่วยราชการได้ใช้พร้อมให้ส่วนราชการต่างๆ ปรับปรุงการให้บริการรอรับก่อนได้รับเครื่อง ซึ่งเมื่อถึงสิ้นปี 2559 ทั้งระบบซอฟต์แวร์ฮาร์ดแวร์จะถูกส่งมอบไปพร้อมๆ กัน ทำให้ภาครัฐสามารถประกาศยกเลิกการใช้สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของส่วนราชการที่ขอรับการสนับสนุนเครื่องบัตรฯ ได้ตั้งแต่เดือนมกราคม 2560 เป็นต้นไป
ข่าวเด่น