(1 ก.ค. 59) เวลา 10.30 น. ณ ศาลาว่าการกทม. นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงชี้แจงเพื่อป้องกันความสับสนกรณีที่มีหนังสือพิมพ์เผยแพร่ข่าวระบุว่า “นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ได้ทำหนังสือเชิญ นายจุมพล สำเภาพล และนายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อมาชี้แจง แต่ทั้ง 2 รายขอเลื่อนมาตลอด โดยอ้างว่าติดภารกิจ ดังนั้นเมื่อยังไม่มีผู้บริหารมาชี้แจง ข้อเท็จจริงจึงยังไม่สมบูรณ์ แต่ทางคณะทำงานได้สรุปข้อเท็จจริงเบื้องต้น คาดว่าภายในช่วงเดือน ก.ค. 59 คงได้ข้อสรุปที่สมบูรณ์ งานนี้ผู้ว่าการ สตง. บอกถ้าเชิญแล้วไม่มา ก็ต้องสรุปข้อเท็จจริงไปตามที่มีข้อมูล แล้วก็อย่ามาว่ากันทีหลังว่าไม่มีการประสานกันอีกนะ”
นายอมร ชี้แจงว่านโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ให้ความสำคัญต่อการตรวจสอบจากองค์กรทั้งภายในและภายนอก และสั่งการให้ผู้บริหารทุกคนตอบชี้แจงข้อเท็จจริง เพื่อให้การทำงานโปร่งใส สมบูรณ์แบบที่สุด โดยขอยืนยันว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตนไม่เคยได้รับหนังสือเชิญจาก สตง. ให้ไปชี้แจงในเรื่องดังกล่าว ดังนั้นการที่ผู้ว่าการสตง. ให้ข่าวโดยระบุชื่อตนว่าเชิญแล้วแต่ไม่มาเป็นการเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง ประกอบกับผู้ให้ข่าวเป็นผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานตรวจการพาดพิงลักษณะเช่นนี้ทำให้บุคคลอื่นเสียหาย และทุกครั้งที่ผ่านมาเมื่อมีประเด็นข่าวกระทบตน ไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ไม่เคยตอบโต้ เพราะเห็นว่าเป็นวิถีทางการเมือง แต่กรณีนี้การที่ผู้ว่าการ สตง. ได้อ้างชื่อตน รวมถึงกล่าวอ้างการไม่มาปรากฏตัวของตนมีผลกระทบทำให้การพิจารณาไม่สมบูรณ์นั้น ตนยืนยันว่าไม่เคยได้รับหนังสือเชิญจาก สตง. และในอดีตเมื่อมีหนังสือเชิญตนจะไปทุกครั้ง ไม่เคยเกี่ยงหรือเลี่ยง ดังนั้นเมื่อไม่ได้รับหนังสือเชิญก็ไม่สามารถไปชี้แจงได้ อีกทั้งไม่มีสิทธิ์ไปชี้แจงแทนคนอื่นด้วย
นายอมร กล่าวอีกว่าการพิจารณาคดี รูปแบบคดี หรือข้อร้องเรียน ต้องมีมาตรฐานการทำงานของหน่วยงาน โดยเฉพาะ สตง. ซึ่งเปรียบเสมือนผู้ตรวจสอบบัญชี ที่จะต้องใช้หลักฐานตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ แต่หากการเชิญผู้บริหารกทม. แล้วไม่ไปให้ข้อมูลจะทำให้การสรุปคดีผิดเพี้ยนไปดังที่ระบุในข่าวก็จะต้องตรวจสอบมาตรฐานการทำงานของ สตง. ด้วย ทั้งนี้เชื่อว่าผู้ว่าการ สตง.เป็นผู้ที่มีคุณวุฒิสูง ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้ผู้ว่าการ สตง. รับผิดชอบสิ่งที่ได้พูดพาดพิงถึงบุคคลจนทำให้บุคคลนั้นเกิดความเสียหายและพิจารณาว่าการกระทำดังกล่าวนั้นเหมาะสมกับการเป็นผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบหรือไม่ และขอให้แสดงหลักฐานว่าได้ส่งหนังสือถึงตนจริง
ข่าวเด่น