วันนี้ (4 ก.ค. 2559) ผศ.ภักดี มะนะเวศ รองเลขาธิการ กสทช.สายงานกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ครั้งที่ 22/2559 มีมติเสียงข้างมากให้มีคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตของช่อง พีซ ทีวี ของบริษัท พีซ เทเลวิชั่น จำกัด เป็นเวลา 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำสั่ง หลังมีการร้องเรียนให้ตรวจสอบการออกอากาศของช่องรายการ พีซ ทีวี ประจำเดือน มี.ค. 2559 ว่ามีเนื้อหาไม่เหมาะสม ประกอบด้วย รายการ “เข้าใจตรงกันนะ” วันที่ 21 มี.ค. 2559 เวลาประมาณ 19.00 น. รายการ “เข้มข่าวดึก” เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2559 เวลาประมาณ 00.19 น. และรายการ “ห้องข่าวเล่าเรื่องค่ำ” เมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2559 เวลาประมาณ 19.45 น. และเนื้อหารายการ “เข้มข่าวดึก” ออกอากาศเมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2559 เวลาประมาณ 00.11 น.
ผศ.ภักดี กล่าวว่า ที่ประชุม กสท. ได้มีความเห็นต่อวาระนี้คือ 1. การออกอากาศรายการดังกล่าวเป็นการกระทำที่แยกต่างหากจากการกระทำและการมีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ ช่องรายการ พีซ ทีวี ซึ่งศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวในคดีปกครองหมายเลขดำที่ 1163/2558 การพิจารณาในการกระทำครั้งนี้ จึงต้องดำเนินการพิจารณาให้เป็นไปตามกระบวนการและขั้นตอนตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
2. เมื่อข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในเอกสารวาระการประชุมที่สำนักงาน กสทช.เสนอ พบว่า การดำเนินการในครั้งนี้ต่อช่องรายการพีซ ทีวี ได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง และเชิญบริษัท พีช เทเลวิชั่น จำกัด ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ช่องรายการพีซ ทีวี พร้อมทั้งผู้แทนของฝ่ายความมั่นคง ผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และผู้แทนคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน มาให้ข้อเท็จจริงและความเห็นประกอบการพิจารณาของคณะอนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหารายการด้วยแล้ว และคณะอนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหารายการ มีความเห็นเสนอต่อที่ประชุม กสท.เพื่อให้เพิกถอนใบอนุญาตของช่องพีซ ทีวี
แต่ที่ประชุม กสท.เสียงข้างมากเห็นว่า การกำหนดโทษทางปกครองควรต้องคำนึงถึงหลักความได้สัดส่วนของการกระทำและความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการกระทำนั้น กล่าวคือ เมื่อปรากฏว่าผู้แทนฝ่ายความมั่นคง และผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ความเห็นว่าการเผยแพร่รายการดังกล่าวมีลักษณะเข้าข่ายเป็นการกระทำที่ขัดกับประกาศ คสช. ฉบับที่ 97/2557 ฉบับลงวันที่ 18 ก.ค.2557 เรื่อง การให้ความร่วมมือต่อการปฏิบัติงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติและการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะ ประกอบกับประกาศ คสช. ฉบับที่ 103/2557 ลงวันที่ 21 ก.ค. 2557 เรื่องแก้ไขเพิ่มเติมประกาศ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 97/2557 และขัดต่อบันทึกข้อตกลง(MOU)ที่บริษัท พีช เทเลวิชั่น จำกัด ทำกับสำนักงาน กสทช. ซึ่งเป็นเงื่อนไขการประกอบกิจการโทรทัศน์
กรณีนี้จึงเป็นการขัดต่อเงื่อนไขการประกอบกิจการโทรทัศน์ ตามข้อ 14(27) ของประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตการให้บริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ พ.ศ.2555 และได้มีคำสั่งแจ้งเตือนให้ช่องรายการพีซ ทีวี แก้ไขการกระทำในลักษณะดังกล่าวมาแล้วหลายครั้ง แต่ช่องรายการพีซ ทีวี ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้น และยังคงฝ่าฝืนคำสั่งดังกล่าวเรื่อยมา ดังนั้นจึงเห็นควรให้มีคำสั่งพักใช้ใบอนุญาต และหากยังคงฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าวอยู่อีก กสท.จะใช้มาตรการทางปกครองที่สูงขึ้นต่อไป
นอกจากนี้ที่ประชุม กสท. ยังได้มอบหมายให้สำนักงาน กสทช. โดยสำนักกฎหมายกระจายเสียงและโทรทัศน์ (มส.) นำเอารายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนของผู้แทนคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติไปศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการออกคำสั่งทางปกครองของ กสท. กรณีการเพิกถอนใบอนุญาตช่องรายการพีซ ทีวี และนำเสนอต่อ กสท. โดยเร็ว
สำหรับวาระอื่น ที่ประชุม กสท. รับทราบกรณีศาลปกครองกลางได้อนุญาตให้บริษัท ไทยทีวี จำกัด ถอนคำฟ้องและจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2558
นอกจากนี้ที่ประชุม กสท. เห็นชอบร่างประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์การส่งเสริมชุมชนที่มีความพร้อมและสนับสนุนผู้ประกอบกิจการกระจายเสียง บริการชุมชนที่มีคุณภาพ พ.ศ. .... ตามที่สำนักงาน กสทช. เสนอ และมอบหมายให้สำนักงาน กสทช.เสนอ (ร่าง) ประกาศฯ ต่อที่ประชุม กสทช. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนนำไปสู่กระบวนการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ และจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะจนเสร็จสิ้นกระบวนการ
ส่วนกรณีบริษัท ซีทีเอช เคเบิล ทีวี จำกัด แจ้งยุติการให้บริการแก่ผู้ใช้บริการที่รับชมผ่านช่องสัญญาณจานดาวเทียมไทยคม KU-BAND ที่ประชุม กสท. มีมติมอบหมายให้สำนักงาน กสทช. โดยสำนักการอนุญาตประกอบกิจการโครงข่าย สิ่งอำนวยความสะดวก และเครื่องวิทยุคมนาคม (ปส.3) มีหนังสือแจ้งให้บริษัท ซีทีเอช เคเบิล ทีวี จำกัด ปฏิบัติตามประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้บริการโครงข่ายกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ พ.ศ.2555 รวมถึงประกาศอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยเคร่งครัดและให้สำนักงานฯพิจารณากรณีที่ ซีทีเอช ขอยกเลิกการให้บริการบางส่วน ว่าเป็นประเด็นที่ควรตรวจสอบผลการประกอบกิจการของ ซีทีเอช จำกัด ว่าประสบภาวะขาดทุนจริงหรือไม่อย่างไร เพื่อประกอบการพิจารณามาตรการเยียวยาผู้บริโภคต่อไป
ข่าวเด่น