ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
'อภิรดี'นำคณะผู้แทนไทยร่วมประชุม JTC ไทย-เมียนมา ขยายตลาดการค้าการลงทุน


 


กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญกับตลาดเมียนมาประเทศเพื่อนบ้าน และพร้อมจะเข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการร่วมทางการค้าไทย - เมียนมา ครั้งที่ 7 ณ กรุงเนปิดอว์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ และขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนในเมียนมาให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

 
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จะนำคณะผู้แทนไทยเดินทางเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมทางการค้า (Joint Trade Commission: JTC) ไทย - เมียนมา ครั้งที่ 7 ที่เมียนมาจะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 7-8 กรกฎาคม 2559 ณ กรุงเนปิดอว์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยการประชุม JTC เป็นกลไกการหารือด้านเศรษฐกิจและการค้าระดับทวิภาคีระหว่างไทยกับเมียนมา เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างกัน

 
นางอภิรดี กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยจะเป็นการสานต่อความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจการค้าไทยกับเมียนมาให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น จากผลการเยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาลไทยของนางออง ซาน ซู จี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เมื่อวันที่ 23-25 มิถุนายน 2559 ที่ผ่านมา ตามคำเชิญของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องจะร่วมมือกันเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศและร่วมมือในการยกระดับและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศ รวมถึงการผลักดันการพัฒนาโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย ที่จะช่วยการสร้างงานและโอกาสให้กับชาวเมียนมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายเร่งด่วนที่สำคัญที่สุดของรัฐบาลเมียนมา

 
นางอภิรดี กล่าวเพิ่มเติมว่า การประชุมครั้งนี้ จะมีการหารือเพื่อตั้งเป้าหมายการค้าที่ 10,000-12,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2560 โดยมีแนวทางความร่วมมือที่สำคัญเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ดังนี้ (1) การส่งเสริมการค้าชายแดนไทย-เมียนมา โดยมียุทธศาสตร์การสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของแม่สอด-เมียวดี เป็นโครงการนำร่อง (2) การดำเนินการต่อเนื่องจากผลการประชุม CLMVT Forum 2016 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดตั้ง CLMVT Business Council เพื่อเป็นเวทีแก้ไขปัญหาการค้าที่มีเอกชนเป็นผู้นำ โดยเฉพาะภาคเอกชนตามแนวจังหวัดชายแดนที่มีด่านพรมแดนระหว่างประเทศ (3) การพิจารณาเรื่องการใช้เงินสกุลท้องถิ่นเพื่อการค้าการลงทุนระหว่างประเทศในเขตเศรษฐกิจพิเศษ และขยายการใช้เงินสกุลท้องถิ่นไปยังทั่วประเทศต่อไป 

(4) การอำนวยความสะดวกด้านการลงทุนของเมียนมาสำหรับนักลงทุนไทย รวมทั้งการเผยแพร่ข้อมูลกฎหมาย กฎระเบียบ และสิทธิประโยชน์การลงทุน (5) การผลักดันการเจรจาจัดทำความตกลงทวิภาคีว่าด้วยการขนส่งทางถนนไทย-เมียนมา เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าระหว่างกัน (6) การสนับสนุนการพิจารณายกระดับ/เปิดด่านถาวรเพิ่มเติมเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าการลงทุน ขยายธุรกิจการท่องเที่ยว และการสัญจรของประชาชนทั้งสองฝ่าย (7) การผลักดันการพัฒนาโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายให้มีความคืบหน้าและผลเป็นรูปธรรม และ (8) การจัดทำโครงการเส้นทางสายผ้าทอไทย-เมียนมา เพื่อเชื่อมโยงการท่องเที่ยว และสร้างงานสร้างรายได้ในชุมชนสองฝ่าย    

 
ปัจจุบันเมียนมาเป็นคู่ค้าอันดับที่ 8 ของไทยในอาเซียน และเป็นคู่ค้าอันดับที่ 15 ของไทยในโลก ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2553-2558) การค้าระหว่างไทยกับเมียนมา มีมูลค่าเฉลี่ยประมาณปีละ 7,370 ล้านเหรียญสหรัฐ มีอัตราการขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 5.15 ต่อปี ในปี 2558 มีมูลค่าการค้ารวม 7,740.93 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการส่งออก 4,174.84 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้า 3,566.09 ล้านเหรียญสหรัฐ และมูลค่าการค้าชายแดน มีสัดส่วนสูงกว่าร้อยละ 80 ของการค้ารวม โดยปี 2558 มีมูลค่า 6,238.01 ล้านเหรียญสหรัฐ (214,694.38 ล้านบาท) เป็นมูลค่าการส่งออก 2,943.42 ล้านเหรียญสหรัฐ (100,819.30 ล้านบาท) และมูลค่าการนำเข้า 3,324.59 ล้านเหรียญสหรัฐ (113,875.08 ล้านบาท)
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 05 ก.ค. 2559 เวลา : 11:22:54

24-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 24, 2024, 5:17 pm