กรมการขนส่งทางบก สั่งถอนรถโดยสารหมายเลขทะเบียน 10 - 4307 ร้อยเอ็ด ออกจากบัญชีผู้ประกอบการ หลังตรวจสอบจากระบบ GPS พบใช้ความเร็ว 100 กม./ชม. ก่อนชนรถบรรทุกจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย พร้อมยึดใบอนุญาตขับรถและส่งตัวพนักงานขับรถให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้นให้เจ้าของรถเยียวยาผู้เสียชีวิตรายละ 660,000 บาท
นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยถึงกรณีอุบัติเหตุรถโดยสารประจำทางหมายเลขทะเบียน 10 - 4307 ร้อยเอ็ด ชนท้ายรถบรรทุกพ่วงคันหมายเลขทะเบียน 81 – 0757 สุพรรณบุรี ที่จอดเสียข้างทาง บนทางหลวงหมายเลข 23 (ดอนไพศาล-บรบือ) ตำบลหนองสิม อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2559 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตที่มากับรถโดยสารจำนวน 2 ราย และผู้บาดเจ็บจำนวน 48 รายนั้น
กรมการขนส่งทางบก ได้สั่งการให้สำนักงานขนส่งจังหวัดมหาสารคาม และสำนักงานขนส่งจังหวัดร้อยเอ็ดร่วมกันดำเนินการตรวจสอบสาเหตุอุบัติเหตุ โดยในเบื้องต้นได้ตรวจสอบความเร็วจากศูนย์บริหารจัดการเดินรถด้วยระบบ GPS พบว่ามีการใช้ความเร็วก่อนเกิดอุบัติเหตุ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นอัตราความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และอาจเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว จึงได้ดำเนินการเรียกตัวผู้ประกอบการขนส่งประกอบด้วย บริษัท ขนส่ง จำกัด และบริษัท สหพันธ์ร้อยเอ็ดทัวร์ จำกัด เจ้าของรถ มารายงานตัวพร้อมชี้แจงกรณีการเกิดอุบัติเหตุ
พร้อมกันนั้นได้สั่งเพิกถอนรถคันเกิดอุบัติเหตุออกจากบัญชี ขส.บ.11 ทันที ยึดใบอนุญาตขับรถของนายสมจิต ประวรรณมาตรา พนักงานขับรถคันที่เกิดอุบัติเหตุ พร้อมส่งตัวให้เจ้าพนักงานสอบสวนดำเนินการทางกฎหมายต่อไป ในส่วนของการคุ้มครองผู้โดยสารและชดเชยค่าเสียหาย บริษัท สหพันธ์ร้อยเอ็ดทัวร์ จำกัด ต้องรับผิดชอบทุกกรณี โดยผู้เสียชีวิตจะได้รับการชดเชยรายละ 660,000 บาท ตลอดจนสั่งตรวจสอบพฤติกรรมการขับรถของพนักงานขับรถทุกรายของบริษัท และตรวจความพร้อมของการให้บริการ ณ สถานีขนส่งผู้โดยสาร จังหวัดร้อยเอ็ด และให้สำนักงานขนส่งจังหวัดร้อยเอ็ด อบรมพนักงานขับรถเพื่อเพิ่มจิตสำนึกและตระหนักถึงความปลอดภัยในการให้บริการของรถโดยสารด้วย
อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีดังกล่าวถือเป็นอุบัติเหตุร้ายแรง ทำให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้โดยสาร ขอความร่วมมือผู้ประกอบการขนส่งในการตรวจสอบพฤติกรรมการขับขี่ของพนักงานขับรถในสังกัดอย่างเคร่งครัด ต้องไม่ใช้ความเร็วหรือมีชั่วโมงการทำงานเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และขอให้ผู้ประกอบการเร่งติดตั้ง GPS เพื่อเป็นเครื่องมือในการติดตามตรวจสอบพฤติกรรมการขับรถตลอดเส้นทาง เชื่อมโยงข้อมูลทั้งหมดเข้ากับศูนย์บริหารจัดการเดินรถด้วยระบบ GPS ของกรมการขนส่งทางบก เช่น ข้อมูลการใช้ความเร็ว ตำแหน่งพิกัดของรถ ซึ่งจะเป็นเครื่องมือที่สามารถช่วยให้ผู้ประกอบการขนส่งสามารถติดตามพฤติกรรมผู้ขับรถ เพื่อกำหนดมาตรการในการป้องกันและลดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับรถโดยสารสาธารณะและรถบรรทุก
ทั้งนี้ หากพบผู้ขับรถใช้ความเร็วหรือขับขี่รถโดยประมาทลงโทษหนักทุกราย กรณีเกิดอุบัติเหตุอันเกิดจากสภาพตัวรถหรือการละเลยการปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดจนเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง ผู้ประกอบการต้องรับผิดชอบทุกกรณีเช่นกรณีดังกล่าว
.jpg)
ข่าวเด่น