กรมการขนส่งทางบกร่วมกับจังหวัดภูเก็ต, มณฑลทหารบกที่ 41, ตำรวจท่องเที่ยว, ตำรวจทางหลวง ตำรวจและฝ่ายปกครองประจำท้องที่ แก้ไขปัญหาการให้บริการรถสาธารณะในพื้นที่ เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศและการท่องเที่ยว ผลการตรวจสอบ (3-5 ก.ค. 59) พบการกระทำความผิด 573 ราย เปรียบเทียบปรับตามกฎหมายทุกราย ย้ำกรณีความผิดทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยวร้ายแรง ส่งตัวดำเนินคดีและเพิกถอนใบอนุญาตขับรถทันที
นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า กรมการขนส่งทางบกดำเนินการเข้มข้นจริงจัง เพื่อแก้ไขปัญหาการให้บริการรถโดยสารสาธารณะที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยและภาพลักษณ์การท่องเที่ยว โดยให้สำนักงานขนส่งจังหวัดร่วมมือกับหน่วยงานทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองประจำท้องที่ลงพื้นที่ตรวจสอบและดูแลการให้บริการตามความเหมาะสมของพื้นที่และสอดคล้องกับสภาพปัญหาของแต่ละจังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งพบว่ามีรถโดยสารนอกพื้นที่เข้ามาวิ่งภายในจังหวัดภูเก็ต ทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่มีนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาเป็นจำนวนมาก
กรมการขนส่งทางบกจึงส่งผู้ตรวจการขนส่งทางบกลงพื้นที่ร่วมกับจังหวัดภูเก็ต, มณฑลทหารบกที่ 41, ตำรวจท่องเที่ยว, ตำรวจทางหลวง, ตำรวจและฝ่ายปกครองประจำท้องที่ โดยกำหนดพื้นที่ปฏิบัติงาน 5 จุด ได้แก่ ด่านตรวจท่าฉัตรไชย, สนามบินเก่า, หาดกมลา, แยกสี่กอ และทางขึ้นกะรน โดยผลการตรวจสอบระหว่างวันที่ 3-5 กรกฎาคม 2559 พบรถโดยสารสาธารณะกระทำความผิดรวมทั้งสิ้นจำนวน 573 ราย สำหรับข้อหาความผิดที่ตรวจสอบพบมากที่สุด ได้แก่ ใช้รถไม่จดทะเบียนและไม่ชำระภาษีรถประจำปี จำนวน 344 ราย ปรับรายละ 20,000 บาท ส่วนที่เหลือเป็นความผิดเกี่ยวกับการนำรถวิ่งนอกเส้นทางโดยไม่ได้รับอนุญาต ปรับ 10,000 บาท อุปกรณ์ส่วนควบไม่ครบถ้วนถูกต้องตามที่กำหนดในกฎกระทรวง เช่น ติดตั้งแตรลม ติดไฟสปอตไลท์ ปรับ 5,000 บาท นอกจากนี้ ยังพบมีการนำรถโดยสารไม่ประจำทางมาวิ่งรับส่งผู้โดยสารในลักษณะประจำทาง ปรับทันที 50,000 บาท พร้อมบันทึกประวัติการกระทำความผิดไว้ที่ศูนย์ข้อมูลประวัติผู้ขับรถสาธารณะ หากพบการกระทำความผิดซ้ำมีมาตรการพักใช้และเพิกถอนใบอนุญาตขับรถต่อไป
อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมการขนส่งทางบกดำเนินการเข้มข้นจริงจังเพื่อแก้ไขปัญหาการให้บริการรถโดยสารสาธารณะที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยและภาพลักษณ์การท่องเที่ยว โดยขยายพื้นที่ดำเนินการให้ครอบคลุมในจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ได้แก่ สุราษฎร์ธานี (สมุย) ภูเก็ต กระบี่ ชลบุรี (พัทยา) และเชียงใหม่ ทั้งนี้ การกวดขันรถโดยสารสาธารณะที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยและการท่องเที่ยว จะลงโทษในอัตราโทษสูงสุดทุกกรณี หากพบพฤติกรรมผิดซ้ำซากในข้อหาความผิดเดิม พิจารณาพักใช้เพิกถอนใบอนุญาตขับรถทันที
ในส่วนกรณีความผิดทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยวร้ายแรง เช่น พฤติกรรมลามกอนาจาร ส่งตัวดำเนินคดีและเพิกถอนใบอนุญาตทันที เพื่อยกระดับรถโดยสารสาธารณะให้เป็นบริการที่มีมาตรฐาน เสริมสร้างภาพลักษณ์แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ทั้งนี้ หากประชาชนพบปัญหารถโดยสารสาธารณะให้บริการไม่เป็นธรรม เอาเปรียบผู้โดยสาร สามารถร้องเรียนได้ที่ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารและรับเรื่องร้องเรียน สายด่วน 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวในที่สุด
ข่าวเด่น