ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วานนี้ แม้ว่าจะพยายามไต่ระดับขึ้นทดสอบด่าน 1,455-1,460 จุด แต่ก็เผชิญกับแรงขายทำกำไรมากขึ้น หุ้นหลักเริ่มปรับฐาน อีกทั้งบรรยากาศรอบเอเชียและยุโรปเริ่มปรับฐาน ส่งผลให้ SET INDEX ปิดลบ 4.49 จุด มาอยู่ที่ 1,450.07 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 52,020 ล้านบาท
เงินทุนต่างชาติเริ่มชะลอตัว ซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 อีก 1,234 ล้านบาท Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 3 เพียง 244 สัญญา และซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 5 ลดลงเหลือ 3,691 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
ติดตามตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ คืนนี้
กระแสเงินทุนต่างชาติเริ่มชะลอการลงทุนผ่านตลาดหุ้น และตลาดตราสารหนี้ไทย
รฟม.เริ่มขายซองโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู และเหลือง วันนี้
ค่าเงินปอนด์อังกฤษทำระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 31 ปี วานนี้ จากเงินทุนต่างชาติไหลออก
BoE ผ่อนคลายหลักเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อ ทำให้ FTSE วานนี้ปิดบวกเด่นเพียงตลาดเดียวในยุโรป
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 3)
เรายังคงมุมมอง “ระมัดระวัง” ต่อการลงทุนเป็นวันที่ 2 แม้ว่า SET INDEX จะปรับฐานลงไปบางส่วนวานนี้ แต่หากพิจารณาถึงปัจจัยแวดล้อมทั้งในและต่างประเทศ ขาดความโดดเด่นในเชิงบวก ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นตัวเด่นนับตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย.เป็นต้นมา ย่อมมีโอกาสเกิดแรงขายทำกำไร
อีกทั้งประเด็นความอ่อนแอในระบบธนาคารพาณิชย์ของอิตาลี อาจกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงที่กดดันสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกในช่วงนี้ ขณะที่ค่าเงินปอนด์อังกฤษกลับมาอ่อนค่าทำระดับต่ำสุดในรอบ 31 ปีวานนี้ เกิดภาวะ Selloff ในเงินปอนด์ รวมถึงเงินลงทุนผ่านกองทุนอสังหาฯ ปัจจัยเสี่ยงในยุโรป น่าจะกลับมามีน้ำหนักกดดันจิตวิทยาการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกอีกครั้ง หลังสถานการณ์อื่นๆ ทรงตัว
ด้วยปัจจัยเสี่ยงในยุโรป เราคาดว่ากระแสเงินทุนต่างชาติน่าจะเริ่มชะลอการลงทุนในตลาดเอเชียเกิดใหม่ รวมถึงตลาดหุ้นไทย เพื่อใช้เวลาช่วงสั้นไปปรับลดน้ำหนักการลงทุนในฝั่งยุโรปก่อน อีกทั้งปัจจัยการลงทุนในเอเชียเกิดใหม่ขาดประเด็นเด่นในช่วงสั้น
เราประเมิน SET INDEX รอบนี้มีโอกาสย่อตัวลงสู่แนวรับ 1,420-1,430 จุด ซึ่งเป็นระดับที่น่าสนใจเข้าทยอยสะสมหุ้นหลัก โดยเฉพาะกลุ่ม Domestic Play ที่คาดว่าผลการดำเนินงานใน 2Q59 และช่วงที่เหลือของปีนี้ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
Strategy of the Day
1. สะสม JASIF : ราคาปิด 10.60 บาท ราคาเหมาะสม 12.00 บาท
a) MBKET ประเมินว่าหุ้นกลุ่มกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (IFF) จะเป็นที่พักเงินได้ดีในฐานะ Safe Haven ในช่วงตลาดพักฐาน
b) คาด JASIF จะประกาศเงินปันผล 2Q59 ในช่วงต้นเดือน ส.ค.ราวหุ้นละ 0.22 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 2.1%
c) เชื่อว่าเฟดจะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ค. ส่งผลให้หุ้นกลุ่ม High Dividend Yield มีความโดดเด่นยิ่งขึ้น โดยคาดการณ์เงินปันผลของ JASIF ปีละ 0.88 บาท คิดเป็น Dividend Yield สูงถึง 8.5% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม IFF และ REIT ที่ราว 6% ต่อปี
2. สะสม CK : ราคาปิด 28.75 บาท ราคาเหมาะสม 34.00 บาท
a) MBKET เชื่อว่าความคืบหน้าของงานประมูลขนาดใหญ่ภาครัฐฯ จะสนับสนุนภาคการลงทุนระยะกลาง-ยาวให้กับหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง โดยวันนี้ รฟม.จะเปิดขายซองโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู วงเงิน 53,490 ล้านบาท และสายสีเหลืองวงเงิน 51,810 ล้านบาท
b) คาดผลประกอบการ 2Q59 จะเติบโตสูง qoq เป็น 500 – 600 ล้านบาท เนื่องจากจะมีการบันทึกเงินปันผลจากบริษัทลูก และมี Upside Risk หากสามารถบันทึกรายได้งานส่วนเพิ่มโครงการไซยะบุรีได้ .ใน 2Q59 หรือ 3Q59
c) NAV จากการถือหุ้นใน CKP, BEM, TTW คิดเป็นมูลค่าต่อหุ้น CK หุ้นละ 26.85 บาท ดังนั้น หากราคาหุ้นอ่อนตัวลงตามภาวะตลาดจึงเป็นโอกาสสะสม
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ซื้อสุทธิต่อเนื่องแต่ชะลอตัวเหลือ US$115 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$486 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
กระแสเงินทุนต่างชาติเริ่มชะลอ
นักลงทุนต่างชาติ คงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 แต่ชะลอตัวเหลือ 1,234 ล้านบาท รวม 3 วันทำการซื้อสุทธิ 11,511 ล้านบาท และผลักดันให้ YTD ต่างชาติซื้อสุทธิทะลุ 40,000 ล้านบาท เป็น 41,149 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 4 ลดลงเหลือ 244 สัญญา รวม 4 วันทำการ Long สุทธิ 20,351 สัญญา เราคาดว่าเป็นการทยอยเปิดสถานะ Long ต่อเนื่อง เมื่อ S50U16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบลงเหลือ 6.48 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 7.14 จุด ทำให้ยอดสุทธิ QTD เป็น Long สุทธิ 6,138 สัญญา
และนักลงทุนกลุ่มนี้คงการซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 5 ลดลงเช่นกัน เป็น 3,691 ล้านบาท รวม 5 วันทำการซื้อสุทธิ 53,242 ล้านบาท ขณะที่ราคาพันธบัตรไทยขยับขึ้นเป็นวันที่ 2 เพียงเล็กน้อย ผ่านพันธบัตรไทย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลงเป็นวันที่ 2 เพียง 0.40bps จากวันก่อนหน้าลดลง 2.10bps ปิดที่ 1.991%
Short-Selling วานนี้
เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 964 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 855 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 คงเน้นสะสมกลุ่มธนาคาร
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิอีก 1,024 ล้านบาท ลดลงจากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 2,550 ล้านบาท รวม 3 วันทำการซื้อสุทธิ 5,937 ล้านบาท โดยยังคงเป็นการเน้นสะสมกลุ่มธนาคารกว่าครึ่งของยอดซื้อสุทธิ
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ไม่มี
ยุโรป
Standard Life ประกาศห้ามไถ่ถอนเงินลงทุน: Standard Life Investment ได้หยุดการซื้อขายชั่วคราวในกองทุนอสังหาฯ มูลค่าขนาดสินทรัพย์รวม 2.9 พันล้านปอร์ด หลังมีการไถ่ถอนเงินลงทุนเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับกองทุน F&C Commercial Property Trust ที่ปรับตัวลงทำระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2554 จากความกังวลถึงราคาสำนักงาน, ร้านค้าและโกดัง จะลดลง จากกรณี Brexit
BoE ผ่อนคลายหลักเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์: เพื่อเป็นการเรียกความเชื่อมั่นและสร้างเสถียรภาพในระบบการเงินของอังกฤษ เพราะความเสี่ยงของ Brexit เพิ่งเริ่มก่อตัวขึ้น และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจให้ชะลอตัว ทำให้ BoE ประกาศลด Countrycyclical Buffer สำหรับธนาคารพาณิชย์ลงเป็น 0.0% จากเดิม 0.5% จากน้ำหนักของสินทรัพย์เสี่ยง เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์สามารถปล่อยสินเชื่อให้แก่ภาคเอกชนและครัวเรือนได้มากขึ้นถึง 1.50 แสนล้านปอร์ด โดยอัตราส่วนดังกล่าวจะทรงตัวไปจนถึงเดือนมิ.ย. 2560 เป็นอย่างน้อย นอกจากนี้ธนาคารพาณิชย์ยังไม่จำเป็นต้องใช้เงินกองทุนพิเศษในการเพิ่มสัดส่วนการจ่ายเงินปันผล
การโหวตเพื่อหาว่าที่นายกฯ อังกฤษ รอบแรกกลายเป็น Theresa May: หลังการโหวตรอบแรกภายในพรรคอนุรักษ์นิยม ได้รับเสียงสนับสนุน 165 เสียง ขณะที่ Leadsom ได้รับเสียง 66 เสียง ทั้งนี้จะมีการโหวตในวันพฤหัสบดี 7 ก.ค. ซึ่งยังเป็นการยากที่จะตัดสินใจว่า Theresa จะได้เสนอชื่อเป็นนายกฯ ซึ่งเป็นผู้ที่สนับสนุน Bremain ทั้งนี้ขั้นตอนต่างๆ จะต้องสิ้นสุดลงและประกาศชื่ออย่างเป็นทางการในวันที่ 9 ก.ย.
สเปน และโปรตุเกส เสี่ยงต่อการที่อียูเข้าแทรกแซง หลังเป้าหมายงบประมาณไม่เป็นไปตามแผน: เจ้าหน้าที่ EU ได้สรุปว่า รัฐบาลทั้งสเปนและโปรตุเกส ไม่ใช้ความพยายามมากพอที่จะดำเนินการเรื่องงบประมาณให้สอดคล้องกับเงื่อนไขของอียู ดังนั้น EC เตรียมใช้มาตรการที่จำเป็นในเร็วๆ นี้ เพื่อให้รัฐบาลกลับมาอยู่ในกรอบข้อตกลงร่วมกันในอียู
จีน
ธนาคารกลางจีนออกมาเตือนถึงความเสี่ยงในเศรษฐกิจ: ธนาคารกลางจีน ติดตามความเสี่ยงภายในประเทศ และต่างประเทศอย่างใกล้ชิด และสถานการณ์ที่สลับซับซ้อน ทำให้ธนาคารกลางจีนเพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น แม้ว่าเศรษฐกิจภายในประเทศและตลาดการเงินการลงทุนจะยังมีเสถียรภาพก็ตาม ทั้งนี้นโยบายการเงินของธนาคารกลางจีนจะยังเป็นทิศทางที่สร้างความเชื่อมั่น และรักษาเงินหยวนให้มีเสถียรภาพในระดับที่สมเหตุสมผล
ดัชนี Caixin PMI ภาคบริการฟื้นตัว: เดือนมิ.ย. ขยับขึ้นเป็น 52.7 จุด จากเดือนพ.ค.ที่ 51.2 จุด เป็นระดับสูงสุดใน 11 เดือน
เอเชียแปซิฟิก
ธนาคารกลางออสเตรเลียคงอัตราดอกเบี้ย: ที่ 1.75% ตามที่ Bloomberg consensus คาดการณ์ เพื่อรอดูทิศทางอัตราเงินเฟ้อในช่วงปลายเดือนนี้ รวมถึงความเสี่ยงทางการเมืองจากความไม่แน่นอนในการเลือกตั้ง
โรงกลั่นในอินเดียเตรียมขยายกำลังการผลิต: บริษัท Indian Oil Corp เตรียมใช้เงินลงทุน 4.0 แสนล้านรูปี หรือ US$6.0 พันล้าน ในการเพิ่มกำลังการผลิตโรงกลั่นอีก 30% ในช่วง 6 ปีข้างหน้า เป็น 104 ล้านเมตริกตัน/วัน หรือ 2 ล้านบาร์เรล/วัน เพื่อตอบสนองกับความต้องการใช้น้ำมันในอินเดียเที่เพิ่มขึ้น และภาวะอุปทานส่วนเกินมีเพียงเล็กน้อย
ไทย
รฟม.เริ่มขายซองประมูลรถไฟฟ้าสายสีชมพู-สายสีเหลืองพรุ่งนี้: ในวันที่ 6 ก.ค. รฟม.จะเริ่มเปิดให้เอกชนซื้อเอกสารการร่วมลงทุนในกิจการภาครัฐ โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ระยะทาง 34.5 กม. วงเงิน 53,490 ล้านบาท และ สายสีเหลือง ช่วง ลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 30.4 กม. วงเงิน 51,810 ล้านบาท พร้อมกันไปจนถึงวันที่ 5 ส.ค.นี้ จากนั้น รฟม.ได้กำหนดเปิดรับซองข้อเสนอของทั้งสองโครงการในวันที่ 7 พ.ย.นี้ เวลา 9.00-15.00 น. และกำหนดเปิดซองข้อเสนอในวันที่ 17 พ.ย.59 เวลา 13.00 น.
โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 6 ก.ค. 2559
ข่าวเด่น