นางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ อยู่ระหว่างศึกษาข้อมูลเชิงลึกของ 50 เมืองทั่วโลก ซึ่งเป็นข้อมูลจากองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) เพื่อใช้ในการเจาะตลาดสินค้าส่งออกของไทย ซึ่งข้อมูลดังกล่าวประกอบด้วยข้อมูลไลฟ์สไตล์ ชีวิตความเป็นอยู่ โอกาสของสินค้าและบริการ โดยกรมฯ กำลังอยู่ระหว่างการแปลข้อมูลเพราะเป็นภาษาญี่ปุ่น เบื้องต้นจะเน้นข้อมูลของตลาด CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ก่อน เพราะเป็นตลาดที่มีศักยภาพ
นอกจากนี้ ได้สั่งการให้ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สคร.) หรือทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในตลาดCLMV หาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับโอกาสในการเข้าไปลงทุน และโอกาสในการขยายการค้าบริการของไทยเข้าสู่ตลาดเหล่านี้ เพราะยังมีข้อมูลส่วนนี้น้อย ซึ่งหากจำเป็นที่จะต้องว่าจ้างให้มีการศึกษา กรมฯ ก็พร้อมที่จะดำเนินการ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจน และนำมาใช้ได้จริง
ในระหว่างนี้ กรมฯ จะเริ่มจัดทำโครงการคัดกรองผู้ที่สนใจจะเข้าไปลงทุนในตลาดCLMVก่อน โดยจัดอบรมสัมมนาให้กับผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ที่สนใจจะเข้าไปลงทุน และเมื่อได้ผู้ที่สนใจจริงๆ แล้ว ก็จะพาไปเจรจาธุรกิจ (บิสสิเนส แมชชิ่ง) กับผู้ประกอบการในตลาดเป้าหมายเพื่อให้เกิดการลงทุนจริง
นางมาลี กล่าวถึง แนวโน้มในอนาคต รายได้จากการส่งออกของไทยจะลดลง แต่จะมีรายได้จากการออกไปลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการผลักดันให้ธุรกิจไทยไปลงทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะธุรกิจที่ต้องใช้แรงงานมาก หรือต้องอาศัยวัตถุดิบในต่างประเทศ หรือต้องการเพิ่มความได้เปรียบจากการใช้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) ที่ประเทศพัฒนาแล้วให้กับประเทศที่ไทยไปลงทุน เพราะไทยได้ปรับนโยบายการลงทุน โดยดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ S Curve ที่เน้นการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่มากขึ้น
สำหรับธุรกิจบริการ เป็นอีกธุรกิจที่มีแนวโน้มในการสร้างรายได้ให้กับไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งกรมฯ จะเน้นการนำผู้ประกอบการไทยออกไปเจรจาธุรกิจกับประเทศต่างๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงพาออกไปประมูลงานในตลาดต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา ธุรกิจคนไทยประสบความสำเร็จในการออกไปหางานจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น ทั้งธุรกิจก่อสร้าง ดิจิตอลคอนเทนต์ บริการสุขภาพและความงาม ร้านอาหาร สปาและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับสปา
ข่าวเด่น