หยิบเงินหยิบทอง -บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วันศุกร์ที่ผ่านมา แกว่งแคบ 1,455 จุด +/- กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และกลุ่มค้าปลีกยังคงแข็งแกร่งกว่าภาพรวมของตลาด ขณะที่กลุ่มหลักอย่างพลังงาน/ธนาคาร พักฐาน ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX ลบเล็กน้อย 1.07 จุด มาอยู่ที่ 1,455.65 จุด มูลค่าการซื้อขายมากถึง 55,254 ล้านบาท
เงินทุนต่างชาติกลับมาชะลอตัวอีกครั้ง แม้ซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 แต่ละลดลงเหลือ 520 ล้านบาท แต่กลับมา Short สุทธิใน SET50 Index Futures มากถึง 7,744 สัญญา และตลาดตราสารหนี้ซื้อสุทธิเพียง 959 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
ภาวะการจ้างงานสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด
DJIA ปิดทะลุ 18,000 จุด และทำระดับปิดสูงสุดใหม่ของปีนี้
Alcoa จะประกาศงบ 2Q59 คืนนี้
แต่กระแสเงินทุนต่างชาติกลับมาชะลอในตลาดทุน และตลาดตราสารหนี้ไทย
ทีมโปรตุเกส ครองแชมป์ฟุตบอลยูโร 2016 ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของโปรตุเกส
ตลาดคาดหวัง BoE จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 14 ก.ค.นี้
TISCO ประกาศงบ 2Q59 วันนี้
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 6)
แม้ว่าบรรยากาศการลงทุนรอบเอเชียวันนี้จะเป็น “บวก” ก็ตาม หลัง DJIA ปิดสูงสุดใหม่ในรอบปีนี้เมื่อวันศุกร์ด้วยตัวเลขการจ้างงานเดือนมิ.ย.ที่ออกมาดีกว่าคาด แต่หากประเมินจากภาพตลาดหุ้นไทยที่ทรงตัวเหนือ 1,450 จุดได้ตลาดสัปดาห์ที่ผ่านมา แข็งแกร่งกว่าภาพรวมในเอเชีย อาจทำให้ตลาดหุ้นไทยวันนี้ มี upside ที่จำกัด แนวต้าน 1,470-1,480 จุดเชื่อว่าจะทำงานได้ค่อนข้างดี บวกกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ทรงตัวในระดับต่ำ อาจทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนสู่ Domestic Play หรือที่เรียกกันว่า Sector Rotation จากกลุ่มพลังงาน/ ปิโตรเคมี เข้าสู่กลุ่ม
Domestic Play นำโดยกลุ่มธนาคาร ซึ่ง TISCO จะประกาศงบ 2Q59 เป็นคนแรกในวันนี้
ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะเริ่มเข้าสู่เทศกาลการประกาศงบการเงินเช่นกัน วันนี้เป็นวันแรกนำโดย Alcoa และปลายสัปดาห์จะเป็นหุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน ซึ่งน่าจับตามองว่าผลการดำเนินงานจะออกมาใกล้เคียงกับที่ตลาดคาดการณ์หรือไม่ เพราะ ณ ปัจจุบันตลาดหุ้นสหรัฐฯ อยู่ในโซนที่แพงเมื่อเทียบกับในอดีตแล้วเช่นกัน
กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ เรายังคงแนะนำให้นักลงทุนเลือกเก็งกำไรเป็นรายตัวที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัวเป็นหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม Domestic Play อย่างกลุ่มธนาคาร / ค้าปลีก เป็นต้น ประเมินกรอบแกว่งวันนี้ระหว่าง 1,445-1,465 จุด
Strategy of the Day
1. สะสม BBL : ราคาปิด 161.50 บาท ราคาเหมาะสม 178.00 บาท
a) MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร และเชื่อว่าจะ Outperform ตลาดได้ใน 2H59 เนื่องจากเป็นกลุ่มทีได้ประโยชน์โดยตรงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ส่งผลให้สินเชื่อกลับมาขยายตัวและคุณภาพของสินทรัพย์ดีขึ้น
b) คาดการณ์กำไรสุทธิ 2Q59 เติบโต qoq สะท้อนให้เห็นถึงกำไรที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 1Q59 และคาดว่ากำไร 2H59 จะขยายตัวจาก 1H59 จากการตั้งสำรองที่ลดลง
c) ซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี ที่ระดับ PBV2559 เพียง 0.80 เท่า ,ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผล 4.5% และมีคุณภาพของสินทรัพย์แข็งแกร่ง เนื่องจากมี Coverage Ratio สูงสุดในกลุ่มธนาคาร
2. เก็งกำไร BJC : ราคาปิด 39.75 บาท ราคาเหมาะสม 43.00 บาท
a) MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีก หลังเห็นสัญญาณฟื้นตัวของภาคบริโภคในประเทศ และเชื่อว่าจะดีขึ้นอีกใน 2H59 จากราคาสินค้าเกษตรที่ฟื้นตัวซึ่งจะส่งผลบวกโดยตรงต่อกำลังซื้อในประเทศ
b) XR วันนี้ สัดส่วน 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ราคาเพิ่มทุนหุ้นละ 35.00 บาท ดังนั้น หลังเสร็จสิ้นการเพิ่มทุน 2 ครั้งจำนวน 2,400 ล้านหุ้น จะส่งผลให้ BV เพิ่มขึ้นจากหุ้นละ 10.6 บาท เป็น 24.9 บาท
c) คาดกำไรสฺทธิปี 2559 เติบโต +46% yoy เป็น 4,071 ล้านบาท และต่อเนื่อง +40% yoy ในปี 2560 จากการรวม BIGC เข้าสู่งบการเงินรวม และ Synergy ที่เกื้อหนุนกัน ราคาหุ้นมี Valuation ที่น่าสนใจ เนื่องจากซื้อขายระดับ PBV เพียง 1.6 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มค้าปลีกที่ 3.8 เท่า จึงมีโอกาส Outperform ตลาดได้หลังเสร็จสิ้นกระบวนการเพิ่มทุน
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
กระแสเงินทุนต่างชาติชะลอตัว แม้ว่าจะซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 อีก US$48 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$304 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติเริ่มทยอยขายทำกำไรในตลาดหุ้นไทย
นักลงทุนต่างชาติ คงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 แต่ลดลงเหลือ 520 ล้านบาท รวม 2 วันทำการซื้อสุทธิ 2,312 ล้านบาท และทำให้ YTD ต่างชาติซื้อสุทธิยืนเหนือ 40,000 ล้านบาท เป็นวันที่ 2 ขยับขึ้นเล็กน้อย เป็น 42,230 ล้านบาท
แต่ SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Short สุทธิมากถึง 7,744 สัญญา น่าจะเป็นการปิดสถานะ Long ที่เปิดไว้ก่อนหน้า และกลับมามีสถานะ Short โดย QTD กลับมา Short สุทธิ 5,502 สัญญา เมื่อ S50U16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index เท่ากับ 6.48 จุด ใกล้เคียงกับวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 6.84 จุด
ส่วนนักลงทุนกลุ่มนี้คงการซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 2 แต่ลดลงเหลือ 959 ล้านบาท รวม 2 วันทำการ ซื้อสุทธิ 7,953 ล้านบาท ขณะที่ราคาพันธบัตรไทยกลับมาทรงตัวเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ ผ่านพันธบัตรไทย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ เพียง 0.14bps จากวันก่อนหน้าลดลงเท่ากับ 1.48bps ปิดที่ 1.964%
Short-Selling วานนี้
ลดลงเหลือ 532 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,026 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 4 โดยเน้น TRUE เป็นหลัก
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิมากถึง 2,628 ล้านบาท สูงกว่าวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,290 ล้านบาท รวม 6 วันทำการซื้อสุทธิทะลุ 10,000 ล้านบาท เป็น 10,709 ล้านบาท โดย NVDR กลับมาเน้นสะสม TRUE เกือบทั้งหมดที่ NVDR ซื้อสุทธิ
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ตัวเลขการจ้างงานออกมาดีกว่าคาด
- ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นบวก
- การจ้างงานนอกภาคการเกษตร เดือนมิ.ย. เท่ากับ 2.87 แสนตำแหน่ง ดีกว่า Bloomberg consensus คาด 1.80 แสนตำแหน่ง และเดือนก่อนหน้าที่ 3.8 หมื่นตำแหน่ง จากการจ้างงาน Professional และภาคธุรกิจบริการ ขณะที่ตลาดแรงงานในกลุ่มเทเลคอมปรับตัวลงในเดือนพ.ค. แต่กลับมาเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่น้อยกว่าในเดือนมิ.ย.
- การจ้างงานภาคเอกชน เดือนมิ.ย. 2.65 แสนตำแหน่ง ดีกว่า Bloomberg consensus คาด 1.70 แสนตำแหน่ง และเดือนก่อนหน้าที่ 2.5 หมื่นตำแหน่ง
- อัตราการว่างงาน เดือนมิ.ย. เท่ากับ 4.9% สูงกว่า Bloomberg consensus คาด 4.8% และเดือนก่อนหน้าที่ 4.7%
ยุโรป
ผลผลิตภาคอุตฯ เยอรมันหดตัวสวนทางกับที่คาด: เดือนพ.ค. ผลผลิตลดลง 1.3% mom เป็นการหดตัวที่แรงสุดในรอบ 21 เดือน เมื่อเทียบกับเดือนเม.ย.ที่ผลผลิตเพิ่มขึ้น 0.5% mom และ Bloomberg consensus คาด +0.1% mom โดยสินค้าประเภทลงทุนหดตัว 3.9% mom ขณะที่สินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้น 0.5% mom
ธนาคารกลางอิตาลีสนับสนุนให้รัฐบาลเข้าแทรกแซงธนาคารพาณิชย์: เพราะความเสี่ยงจากสถานการณ์ปัจจุบันค่อนข้างสูงที่จะมีผลต่อระบบการเงินของอิตาลี การจำกัดปัญหา จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบธนาคารได้ ดังนั้นการเข้าแทรกแซงโดยทางการจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้วยปัญหาของหนี้เสียที่สูงถึง 3.60 แสนล้านยูโร ทำให้ ECB เพิ่มแรงกดดันเข้าไปในธนาคารพาณิชย์ของอิตาลีให้เร่งสะสางงบดุล และแก้ไขปัญหาหนี้เสีย
นายกฯ เยอรมัน ยืนยัน Brexit ของอังกฤษจะเลี่ยงไม่ได้: นาง Merkel นายกฯ เยอรมัน คาดว่า นายกฯ คนใหม่ของอังกฤษจะยังเดินหน้าตามผลประชามติที่ได้ออกมาก่อนหน้านี้ และเริ่มการเจรจากับอียูในการออกจากการเป็นสมาชิก โดยเชื่อว่าอังกฤษจะเดินหน้าในส่วนของมาตรา 50 แห่งกฎหมายลิสบอน หลังได้นายกฯ คนใหม่
จีน
ยอดขายรถยนต์ 1H59 เติบโตในอัตราเร่ง: ยอดขายรถยนต์ใน 1H59 เติบโต 9.5% yoy เป็น 10.8 ล้านคัน นอกจากนี้การลดภาษีซื้อรถยนต์ที่มีขนาดเครื่องยนต่ำกว่า 1.6 ลิตร ช่วยกระตุ้นยอดขายรถขนาดเล็กและ SUV ขนาดกลาง
เงินทุนสำรองระหว่างประเทศของจีนเพิ่มขึ้นสวนทางกับที่คาด: ณ สิ้นเดือนมิ.ย. เท่ากับ US$3.21 ล้านล้าน เพิ่มขึ้น US$1.3 หมื่นล้าน เทียบกับที่ Bloomberg consensus คาด US$3.17 ล้านล้าน
อัตราเงินเฟ้อใกล้เคียงคาด: เพิ่มขึ้น 1.9% yoy สำหรับเดือน มิ.ย. ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่ +2.0% yoy เทียบกับ Bloomberg Consensus คาด +1.8% yoy จากราคาอาหารที่ขยายตัว 4.6% yoy จากเดือนก่อนที่ +5.9% yoy ส่วนราคาสินค้าที่ไม่ใช่อาหาร +1.2%
อย่างไรก็ตามดัชนีราคาผู้ผลิตคลายตัวลง: อยู่ที่ -2.6% yoy จากเดือนก่อนที่ -2.8% yoy เป็นการหดตัวในอัตราที่ชะลอลงเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกันและหดตัวในระดับที่น้อยสุดนับตั้งแต่ปี 2557 ราคาอุตสาหกรรมเหมืองแร่ลดลง 8.2% yoy หดตัวต่ำสุดในรอบ 2 ปี ส่วนราคาสินค้าโภคภัณฑ์หดตัว 6.1% yoy
เอเชียแปซิฟิก
S&P ปรับลดแนวโน้มออสเตรเลียลงเป็น “ลบ”: จากเดิม “คงที่” แต่ยังคงอันดับความน่าเชื่อถือที่ AAA เนื่องจากข้อจำกัดของนโยบายการคลังอันนำไปสู่การทำงบประมาณที่ขาดดุลของรัฐบาล กลายเป็นปัจจัยเสี่ยง หลังผลการเลือกตั้งยังไม่ได้ข้อสรุป และอาจทำให้เกิดความเสี่ยงไม่มีพรรคใดครองเสียงข้างมากมากพอที่จะจัดตั้งรัฐบาล
คำสั่งซื้อเครื่องจักรของญี่ปุ่นหดตัวแรงกว่าคาด: -11.7% yoy ในเดือน พ.ค. เร่งตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ -8.2% yoy และแย่กว่าที่ Bloomberg Consensus คาด -8.7% yoy นอกจากนี้ยังเป็นการลดลง 1.4% yoy สวนทางกับที่ตลาดคาดฟื้นตัว 3.2% mom ทั้งนี้ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึงการใช้จ่ายลงทุนในอนาคต
ไทย
รองนายกฯ เตรียมเสนอ IFF เข้าครม.ใน 2 สัปดาห์: นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ คาดว่า ภายในอีก 2 สัปดาห์จะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) กองแรกขนาดการลงทุนระดับแสนล้านบาทขึ้นไป และเป็นการลงทุนในรูปแบบของรัฐและเอกชน (PPP) และล่าสุดได้รับการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจจากทั้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แล้ว ซึ่งเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2/59 จะเติบโตได้มากกว่า 3%
โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 11 ก.ค. 2559
ข่าวเด่น