ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วานนี้ เปิดทะลุแนว 1,460 จุดขึ้นไปทดสอบด่าน 1,465-1,470 จุด ผลักดันด้วยกลุ่ม ICT จากแรงเก็งกำไรต่อปันผลงวด 1H59 รวมถึงหุ้นหลักในกลุ่มธนาคารยังเด่นต่อเนื่อง ปิดตลาด SET INDEX บวก 12.74 จุด มาอยู่ที่ 1,468.39 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 59,594 ล้านบาท
เงินทุนต่างชาติกลับมาหนาแน่นอีกครั้ง ซื้อตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 อีก 611 ล้านบาท Long สุทธิใน SET50 Index Futures อีกครั้ง 9,705 สัญญา และซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 1,912 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
TISCO รายงานกำไรสุทธิ 2Q59 ใกล้เคียงคาด ทั้งนี้ TISCO ไม่มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล
Alcoa รายงานกำไรสุทธิ 2Q59 ออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาด
ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดต่ำกว่า US$45/barrel อีกครั้ง หลังแคนาดา กลับมาผลิตน้ำมันตามปกติ
S&P500 ทำระดับปิดสูงสุดใหม่คืนวานนี้
เม็ดเงินต่างชาติกลับเข้าตลาดหุ้นเอเชียเกิดใหม่หนาแน่นอีกครั้ง
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 7)
ภาพระยะสั้น SET INDEX มีโอกาสขึ้นไปทดสอบ 1,480-1,490 จุดในช่วง 2-3 วันนี้ เพื่อเก็งกำไรต่อการประชุม BoE ในวันที่ 14 ก.ค.นี้ ตลาดคาดว่า BoE มีโอกาสลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2552 ปัจจุบัน 0.50% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ในความเห็นของเรา เชื่อว่าเป็นการเร็วเกินไปที่ BoE จะลดอัตราดอกเบี้ย หลังผ่อนคลายหลักเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อไปในสัปดาห์ที่ผ่านมา BoE น่าจะรอดูผลสักระยะหนึ่ง แต่หาก BoE ลดอัตราดอกเบี้ย จะทำให้ค่าเงินปอนด์อังกฤษจะกลับมาอ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ และกระตุ้นเงินทุนไหลออกอีกระลอกเช่นกัน
ดังนั้นหาก BoE ตัดสินใจคงนโยบายการเงินในการประชุมวันที่ 14 ก.ค.นี้ อาจกลายเป็นการสร้าง Negative Surprise ให้แก่นักลงทุน และเป็นเหตุให้สินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงตลาดหุ้นปรับฐานลงได้เช่นกัน
ปัจจัยสำคัญในช่วงนี้ เราแนะนำให้นักลงทุนกลับมาให้น้ำหนักกับคาดการณ์ผลการดำเนินงานใน 2Q59 ของบริษัทจดทะเบียน สัปดาห์หน้า หุ้นธนาคารขนาดใหญ่จะเริ่มทยอยประกาศ และตามมาด้วยหุ้นหลักอย่าง DTAC / SCC / ADVANC น่าจะกลายเป็นกลยุทธ์หลักของการเก็งกำไรหุ้นรายตัวในช่วงนี้ เราะประเมินกรอบแกว่งของ SET INDEX วันนี้ระหว่าง 1,460-1,475 จุด เน้นเก็งกำไรหุ้นรายตัวด้วยประเด็นผลการดำเนินงาน
Strategy of the Day
1. เก็งกำไร TPIPL : ราคาปิด 2.32 บาท ราคาเหมาะสม 2.85 บาท
a) MBKET คาดว่าผลประกอบการ 2Q59 จะดีขึ้น qoq จากธุรกิจไฟฟ้าที่จะรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนทิ้ง 30MW เต็มไตรมาสเป็นไตรมาสแรก และคาดว่าจะมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนราว 130-150 ล้านบาท จากค่าเงินยูโรที่อ่อนค่าลงราว 1.00 บาทต่อยูโร
b) มีปัจจัยบวกรออยู่ใน 2H59 คือ การนำธุรกิจโรงไฟฟ้าเข้าจดทะเบียน IPO ซึ่งจะเป็นบวกโดยตรงต่อ Market Cap ของบริษัทแม่ และเชื่อว่าจะส่งผลให้นักวิเคราะห์ในตลาดปรับมาใช้วิธีประเมินมูลค่าจาก DCF เป็น Sum of the parts
c) ซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีที่ระดับ PBV2559 เพียง 0.8 เท่า และเชื่อว่าประเด็นค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ 1Q59 นั้น ไม่น่าเป็นปัจจัยลบกดดันราคาหุ้นอีกต่อไป เพราะเป็นสิ่งที่ตลาดรับรู้แล้ว
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
กระแสเงินทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 มากถึง US$900 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$48 ล้าน
ซื้อสุทธิทุกตลาด
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติกลับมาสะสมหุ้นไทยอีกครั้ง
นักลงทุนต่างชาติ คงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 แต่ยังคงเบาบาง 611 ล้านบาท รวม 3 วันทำการซื้อสุทธิ 2,923 ล้านบาท และทำให้ YTD ต่างชาติซื้อสุทธิยืนเหนือ 40,000 ล้านบาท เป็นวันที่ 3 ขยับขึ้นเล็กน้อย เป็น 42,841 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Long สุทธิมากถึง 9,705 สัญญา น่าจะเป็นการปิดสถานะ Short ที่มีสถานะก่อนหน้า และกลับมาถือสถานะ Long อีกครั้ง โดย QTD กลับมา Long สุทธิ 4,203 สัญญา เมื่อ S50U16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้น 8.28 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 6.48 จุด
ส่วนนักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 1,912 ล้านบาท เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 7,953 ล้านบาท ขณะที่ราคาพันธบัตรไทยกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง ผ่านพันธบัตรไทย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนกลับมาลดลง 1.81bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้นราว 0.14bps ปิดที่ 1.946%
Short-Selling วานนี้
ขยับขึ้นเป็น 1,318 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 532 ล้านบาท NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 5 กลับมาเน้น ADVANC – INTUCH เพื่อปันผลรอบ 1H59
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิอีก 1,475 ล้านบาท ชะลอตัวจากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิมากถึง 2,628 ล้านบาท รวม 7 วันทำการซื้อสุทธิทะลุ 10,000 ล้านบาท เป็น 12,184 ล้านบาท โดย NVDR กลับมาเน้นหุ้นรายตัวเพื่อคาดหวังเงินปันผลงวด 1H59
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ไม่มี
ยุโรป
ทนายความในอังกฤษ ยืนยันกรณี Brexit ต้องมีกาณโหวตในสภาฯ: ทนายความกว่า 1,000 คนต่างเรียกร้องให้นายกฯ David Cameron ต้องปรึกษารัฐสภา ก่อนที่จะมีการตัดสินใจใดๆ เกี่ยวกับการออกจากการเป็นสมาชิกในกลุ่มอียู นอกจากนี้ สส. ควรมีความเป็นอิสระในการโหวตต่อกฎหมายลิสบอน มาตรา 50
Leadsom ประกาศถอนตัวจากการเข้าชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยม: ส่งผลให้คุณ Theresa May จะเป็นคนเดียวที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค และ นายกฯ แทนนาย David Cameron หลัง รมว.พลังงาน Andrea Leadsom ประกาศถอนตัว ทั้งนี้ นายกฯ Cameron ประกาศ เตรียมแต่งตั้ง May ขึ้นรับตำแหน่งนายกฯ ในวันที่ 13 ก.ค.นี้
ผลผลิตอุตฯ ของอิตาลีลดลง: เดือนพ.ค. ผลผลิตภาคอุตฯ ลดลง 0.6% mom จากเดือนก่อนหน้า+0.4% mom สวนทางกับที่ Bloomberg consensus คาดการณ์ +0.1% mom ขณะที่ประธานธนาคารกลางอิตาลีให้ความเห็นต่อภาพรวมเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง แต่เป็นไปอย่างเปราะบาง อัตราการว่างงานอยู่ในระดับสูง อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ
จีน
รัสเซียชะลอการปล่อนเงินกู้โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำให้มองโกเลีย: วงเงิน US$1.0 พันล้าน เพื่อใช้ในการก่อสร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้าในเขตมองโกเลีย ขนาดสูง 103 เมตร ซึ่งจะช่วยผลิตกระแสไฟฟ้าและลดการพึ่งพิงพลังงานจากส่วนกลาง ทั้งนี้จีนได้ชะลอการให้เงินสนับสนุนในโครงการนี้ จนกว่าจะสามารถเจรจากับรัสเซียได้สำเร็จ โครงการนี้เกิดขึ้นเพราะ มองโกเลียต้องซื้อไฟจากรัสเซียปีละกว่า US$25 ล้าน
เอเชียแปซิฟิก
อินเดียเตรียมยกเลิกอนุมัติการปรับปรุงโรงไฟฟ้าถ่านหินที่มีอายุมากกว่า 25 ปี: ทางการอินเดีย เตรียมปรับหลักเกณฑ์การผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน หากโรงไฟฟ้าถ่านหินมีอายุมากกว่า 25 ปี จะไม่ได้รับการอนุมัติให้มีการซ่อมแซม เพื่อให้โรงไฟฟ้าเหล่านั้นจะต้องเริ่มกลับมาลงทุนทดแทนโรงไฟฟ้าเก่าในลักษณะ “Super-Critial Plants” ซึ่งเกณฑ์นี้คาดว่าจะกระทบกำลังการผลิตไฟฟ้า 37GW หรือคิดเป็น 12% ของกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งประเทศ
นายกฯ ญี่ปุ่นเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม: นายกฯ Abe เตรียมออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศ รวมถึงการเร่งการใช้จ่ายในการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ภายหลังพรรคฯ ของเขาได้รับชัยชนะในการครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา ทั้งนี้การเรียกประชุมคณะรัฐบาล เพื่อพิจารณาแผนกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงินมากกว่า 10 ล้านล้านเยน พร้อมกับแผนการออกพันธบัตรชุดใหม่เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี
ไทย
กรมทางหลวงเตรียมเสนอมอเตอร์เวย์เพิ่ม: กรมทางหลวงอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมจัดทำรายละเอียดข้อมูลโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) จำนวน 3 สาย และทางยกระดับอีก 1 โครงการเพื่อนำเสนอขออนุมัติโครงการต่อรัฐบาลภายในปี 2560-2561 ประกอบด้วย 1.มอเตอร์เวย์ สายนครปฐม-ชะอำ ระยะทาง 119 กม. วงเงิน 80,600 ล้านบาท ซึ่งการออกแบบเสร็จแล้ว รวมถึง รายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ได้รับอนุมัติแล้ว 2. มอเตอร์เวย์สาย นครราชสีมา-ขอนแก่น ระยะทาง ประมาณ 180 กม.ซึ่งอยู่ระหว่างศึกษา 3. มอเตอร์เวย์ สายบางปะอิน-นครสวรรค์ ระยะทางประมาณ 200 กม. โดยจะทบทวนผลการศึกษาเดิมเพื่อดำเนินการต่อขยายโครงข่ายมอเตอร์เวย์จาก บางปะอิน-นครราชสีมา โดยช่วง บางปะอิน-นครสวรรค์ จะเป็นการทบทวนผลการศึกษาเดิมที่มี 4. โครงการยกระดับบนถนนพระราม 2 บางขุนเทียน-วังมะนาว การศึกษา และออกแบบรายละเอียดแล้วเสร็จแล้ว จะเป็นทางยกระดับ เก็บค่าผ่านทาง ขั้นตอนอยู่ระหว่างการมีส่วนร่วมของประชาชนตอนปลาย และการปรับแบบช่วงวังมะนาว
โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 12 ก.ค. 2559
ข่าวเด่น