ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (12 ก.ค.) ปิดที่ 18,347.67 จุด เพิ่มขึ้น 120.74 จุด หรือ +0.66% ดัชนีแนสแดค ปิดที่ 5,022.82 จุด เพิ่มขึ้น 34.18 จุด หรือ +0.69% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,152.14 จุด เพิ่มขึ้น 14.98 จุด หรือ +0.70% โดยดัชนีดาวโจนส์ และ S&P 500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ตลาดหุ้นสหรัฐได้แรงหนุนจากราคาน้ำมัน WTI ที่พุ่งขึ้นกว่า 4% รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 0.25% จากปัจจุบันที่ระดับ 0.5% และเพิ่มวงเงินการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมวันพรุ่งนี้ เพื่อรับมือกับผลกระทบ Brexit
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 2.04 ดอลลาร์ ปิดที่ 46.80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 2.22 ดอลลาร์ ปิดที่ 48.47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบ 2เดือน หลังโอเปกคลายกังวลต่อภาวะอุปทานล้นตลาด โดยโอเปคระบุในรายงานประจำเดือนกรกฎาคม คาดหมายว่าภาวะอุปทานล้นตลาดจะคลี่คลายเพิ่มเติมในปีนี้และปีหน้า เป็นผลจากกำลังผลิตที่ลดลงของเหล่าผู้ผลิตนอกกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐฯ
ราคาทองคำดิ่งหนักในวันอังคาร(12ก.ค.) โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 21.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,335.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ การพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดึงนักลงทุนให้เมินสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ
ข่าวเด่น