การขยายระยะเวลาสำหรับมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการประกอบธุรกิจในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ และมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนให้มีการติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ
กระทรวงการคลัง รายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2559 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาสำหรับมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการประกอบธุรกิจในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ (จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี ยะลา สตูล และสงขลาเฉพาะท้องที่อำเภอจะนะ เทพา นาทวี และสะบ้าย้อย) และมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนให้มีการติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้แก่ผู้มีเงินได้ที่มีสถานประกอบกิจการตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ โดยให้สามารถเลือกนำเงินได้ตามมาตรา 40(7) และ (8) แห่งประมวลรัษฎากร มาคำนวณเพื่อเสียภาษีในอัตราร้อยละ 0.1 ของเงินได้ โดยไม่ต้องนำเงินได้ดังกล่าวไปรวมคำนวณกับเงินได้อื่น ทั้งนี้สำหรับเงินได้ที่เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2561 ถึงปี พ.ศ. 2563 เฉพาะที่ได้จากการผลิตสินค้าหรือการขายสินค้าหรือให้บริการในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ
2. ลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลเหลือร้อยละ 3 ของกำไรสุทธิให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วน นิติบุคคลที่มีสถานประกอบกิจการตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ และมีรายได้เกิดขึ้นจากการผลิตสินค้าหรือการขายสินค้าหรือให้บริการในเขตดังกล่าว ตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชี 2561 ที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2561 ถึงรอบระยะเวลาบัญชี 2563 ที่สิ้นสุดภายในหรือหลังวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2563
3. ลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย และให้เสียในอัตราร้อยละ 0.1 สำหรับเงินได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ สำหรับเงินได้ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 ถึง ปี พ.ศ. 2563 และเมื่อถึงกำหนดเวลาการยื่นรายการให้รับยกเว้นไม่ต้องนำเงินได้มารวมคำนวณเพื่อเสียภาษี ทั้งนี้เฉพาะผู้มีเงินได้ที่ไม่ขอรับเงินภาษีที่ถูกหักไว้คืนหรือไม่ขอเครดิตเงินภาษีที่ถูกหักไว้นั้น ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน
4. ลดอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะเหลือร้อยละ 0.1 สำหรับรายรับจากการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไร ทั้งนี้เฉพาะรายรับจากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจที่ได้กระทำ ในระหว่างวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2561 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2563
5. กำหนดให้บุคคลธรรมดาที่มีเงินได้ตามมาตรา 40(5) (6) (7) และ (8) แห่งประมวลรัษฎากรซึ่งมีสถานประกอบกิจการตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ สามารถหักค่าใช้จ่ายค่าซื้อและค่าติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดได้อีกในอัตราร้อยละ 100 ของค่าใช้จ่ายดังกล่าว ทั้งนี้สำหรับการยื่นรายการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตั้งแต่ปีภาษี 2559 ถึงปีภาษี 2563
6. กำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งมีสถานประกอบกิจการตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ สามารถหักรายจ่ายค่าซื้อและค่าติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดได้อีกในอัตราร้อยละ 100 ของรายจ่ายดังกล่าว ทั้งนี้สำหรับรอบระยะเวลาบัญชี 2559 ที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2559 ถึงรอบระยะเวลาบัญชี 2563 ที่สิ้นสุดภายในหรือหลังวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2563
ทั้งนี้ มาตรการภาษีข้างต้นเพื่อเป็นการช่วยบรรเทาภาระภาษีให้แก่ผู้ประกอบกิจการ ส่งเสริมให้มีการลงทุน กระตุ้นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ สนับสนุนให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการช่วยรักษาความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สินของประชาชน และสร้างความสงบและความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ข่าวเด่น