กรมควบคุมโรค เตือนเดินทางช่วงหยุดยาววันเข้าพรรษา ระมัดระวังการขับขี่ฝ่าฝนตก หลังปีนี้อุบัติเหตุใหญ่ช่วงฝนตก มีผู้บาดเจ็บ 167 ราย เสียชีวิต 45 รายแล้ว
วันนี้ (13 กรกฎาคม 2559) นายแพทย์อำนวย กาจีนะ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาปี 2559 นี้ จะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางกลับภูมิลำเนา และมีการใช้ยานพาหนะจำนวนมาก ประกอบกับในช่วงนี้เป็นฤดูฝน ทำให้มีโอกาสที่อาจเกิดฝนตกระหว่างการเดินทางได้ จึงต้องมีการเตรียมพร้อมและระมัดระวังการขับขี่เป็นพิเศษ โดยเฉพาะการขับขี่ฝ่าฝนตก ที่อาจมีลมแรงและทัศนวิสัยในการมองเห็นน้อยลง
จากข้อมูลการเฝ้าระวังการบาดเจ็บและเสียชีวิต จากเหตุการณ์อุบัติเหตุรายใหญ่ (ที่มีผู้เสียชีวิต 2 รายขึ้นไป หรือผู้บาดเจ็บ 4 รายขึ้นไป) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม–30 มิถุนายน 2559 ที่ผ่านมา มีอุบัติเหตุใหญ่ที่เกิดช่วงที่มีฝนตก จำนวน 26 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 167 ราย และเสียชีวิต 45 ราย ซึ่งพบว่าครึ่งหนึ่งเกิดขึ้นในช่วงเริ่มเข้าสู่ฤดูฝน (พ.ค.-มิ.ย. 59) เพียง 2 เดือนนี้พบอบุติเหตุใหญ่ถึง 12 ครั้ง บาดเจ็บ 96 ราย และเสียชีวิต 24 ราย ทำให้เห็นได้ว่าการเดินทางช่วงที่มีฝนตกมีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุได้สูง และมีโอกาสที่จะเป็นอุบัติเหตุใหญ่ที่มีคนบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก (ข้อมูลจากบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด)
นายแพทย์อำนวย กล่าวต่อไปว่า กรมควบคุมโรค ขอแนะนำให้ประชาชนเตรียมพร้อมก่อนการเดินทางในช่วงหยุดยาวนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด ดังนี้
1.เตรียมสภาพรถ เช็คลมยาง ไฟส่องสว่างและไฟเลี้ยว ระบบเบรก ทดสอบใบปัดน้ำฝนให้สามารถปัดกวาดน้ำฝนได้สะอาด ไม่มีรอยฝ้าหรือรอยขูดขีดบนกระจก เตรียมผ้าแห้งไว้เช็ดฝ้าที่กระจกภายในรถ และเติมน้ำในกระปุกฉีดน้ำอยู่เสมอ ที่สำคัญควรมีเครื่องมือประจำรถและอะไหล่ต่างๆ สำรองติดรถเอาไว้
2.เตรียมคนขับ พักผ่อนให้เพียงพอ หากจะต้องมีการขับรถในระยะทางไกล รวมทั้งควรมีการแวะพักเพื่อปรับเปลี่ยนอิริยาบถ เป็นระยะ เพื่อป้องกันอาการง่วงนอน และต้องขับรถด้วยความระมัดระวัง ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด ที่สำคัญไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮลล์ทุกชนิดหรือยาที่ทำให้ง่วง เช่น ยาลดน้ำมูก ยาภูมิแพ้ ยาแก้ไอ เป็นต้น
ส่วนคำแนะนำในการขับขี่ช่วงฝนตก ดังนี้ 1.เปิดไฟหน้ารถเสมอ โดยเปิดไฟต่ำ เพื่อช่วยให้มองเห็นสิ่งต่างๆบนถนนได้ชัดเจนขึ้น และให้รถคันอื่นมองเห็นรถได้จากระยะไกล ที่สำคัญอย่าเปิดไฟฉุกเฉินเพราะจะสร้างความเข้าใจผิดกับผู้ขับขี่ท่านอื่น 2.เปิดใบปัดน้ำฝน โดยปรับระดับความเร็วของใบปัดน้ำฝนให้สัมพันธ์กับความแรงและปริมาณฝนตก 3.ลดความเร็ว เพื่อเพิ่มความระมัดระวังให้มากเป็นพิเศษ 4.ให้ทิ้งระยะห่างจากคันหน้า เพราะสภาพถนนที่เปียกลื่น ต้องใช้ระยะทางในการหยุดรถเพิ่มขึ้น 5.หลีกเลี่ยงการแซง แต่หากจำเป็นต้องประเมินสถานการณ์ ระยะทางข้างหน้า ความเร็วและระยะห่างของรถที่กำลังวิ่งตามกันในช่องจราจรซ้ายขวา 6.รถลื่นไถลหรือเหินน้ำ ห้ามเหยียบเบรกจนล้อหยุดหมุนในทันที เพราะอาจทำให้รถพลิกคว่ำได้ ให้แก้ไขโดยลดความเร็ว ใช้เกียร์ต่ำ จนกว่ารถจะทรงตัวได้ แล้วจึงค่อยเหยียบเบรกเพื่อหยุดรถ และ 7.เมื่อต้องขับรถผ่านน้ำท่วมขัง ให้หยุดประเมินสถานการณ์หากระดับน้ำลึกสูงกว่าขอบประตูรถ ไม่ควรขับฝ่าไป ควรเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่น แต่ถ้าระดับน้ำต่ำกว่า ก่อนขับผ่านให้ปิดแอร์ เพื่อไม่ให้พัดลมแอร์หรือสายพานตีน้ำเข้าห้องเครื่อง ให้ใช้เกียร์ต่ำและไม่ขับเร็ว
“ขอให้ประชาชนเดินทางด้วยความปลอดภัย อย่าลืมคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้ง ผู้ที่ใช้รถจักรยานยนต์ทั้งผู้ขับขี่และโดยสาร ควรสวมหมวกกันน็อคทุกครั้งเช่นกัน ที่สำคัญหากพบเห็นผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ขอให้โทรแจ้งขอความช่วยเหลือจากทีมแพทย์กู้ชีพ โทร 1669 ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้ความชำนาญ จะเกิดความปลอดภัยกับผู้บาดเจ็บมากขึ้น หากประชาชนมีข้อสงสัยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422” นายแพทย์อำนวย กล่าว
ข่าวเด่น