ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
ก.เกษตรฯใช้ Agri-Map คัดเลือกพื้นที่นำร่อง 3 จังหวัดปรับเปลี่ยนการผลิต


 


รมว.กษ. เปิดปฏิบัติการขับเคลื่อนการปรับเปลี่ยนกิจกรรมการผลิตในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม โดยใช้แผนที่ Agri-Map คัดเลือกพื้นที่นำร่อง 3 จังหวัด ได้แก่ ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และอุทัยธานี พร้อมมอบปัจจัยการผลิตทางการเกษตรแก่เกษตรกร

พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการปรับเปลี่ยนการทำการเกษตรที่ไม่เหมาะสม โดยใช้ Agri-Map ในพื้นที่ ต.ชีบน อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ ว่า กระทรวงเกษตรฯ มีนโยบายให้จัดทำแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก ซึ่งเป็นแผนที่เกษตรที่บ่งบอกสภาพดิน แหล่งน้ำ โรงงาน ตลาด และโลจิสติก เป็นต้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทั้งผู้บริหารนโยบายที่จะใช้ในการกำหนดนโยบายและวางแผนการผลิตทางการเกษตร ตลอดจนในระดับปฏิบัติการในการขับเคลื่อนกิจกรรมการผลิตภาคการเกษตรของไทย โดยในปัจจุบันได้ดำเนินการจัดทำแผนที่ Agri-Map ครบทุกจังหวัดทั่วประเทศและได้ส่งมอบและสื่อสารทำความเข้าใจแก่ผู้ปฏิบัติงานในระดับจังหวัดแล้ว
 
 
 

ปัจจุบันพบว่าประเทศไทยมีพื้นที่เกษตรกรรม จำนวน 130 ล้านไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ทำเกษตรในพื้นที่ไม่เหมาะสม จำนวน 16.67 ล้านไร่ ซึ่งส่งผลต่อต้นทุนที่สูงมาก โดยในแผนที่ Agri-Map ได้นำเรื่องดินและน้ำมาใส่ด้วย ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญในการทำการเกษตร และได้มีการแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1) การทำเกษตรในพื้นที่เหมาะสม รวมทั้งเหมาะสมในระดับปานกลางและดีมาก 2) การทำเกษตรในพื้นที่ไม่ค่อยเหมาะสม และ 3) การทำการเกษตรในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมเลย กระทรวงเกษตรฯ จึงได้บูรณาการการทำงานทั้งจากทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงมหาดไทย ภาคเอกชน และเกษตรกร โดยมุ่งหวังจัดทำแผนการปรับเปลี่ยนฯ เป็นแผนระยะยาว จำนวน 10 ปี โดยในปี 2559 - 2560 จะเร่งดำเนินการในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมก่อน อย่างไรก็ตาม ต้องดูถึงความต้องการทางการตลาดของสินค้าเกษตรประกอบด้วย
 

พลเอก ฉัตรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2559 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้คัดเลือกพื้นที่นำร่อง 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดอุทัยธานี เนื่องจากมีชนิดของพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมที่หลากหลาย และมีความพร้อมในการปรับเปลี่ยนกิจกรรมการผลิตในพื้นที่ไม่เหมาะสม เช่น ที่จังหวัดชัยภูมิ มีเกษตรกรเข้าร่วมการปรับเปลี่ยนกิจกรรม ได้แก่ 1) การปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกพืชที่ไม่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมการเลี้ยงกระบือ (ภายใต้โครงการธนาคารโค–กระบือเพื่อเกษตรกร ตามพระราชดำริ จังหวัดชัยภูมิ) 2) การปรับเปลี่ยนพื้นที่นาข้าวเป็นแปลงหม่อน 3) การปรับเปลี่ยนพื้นที่นาข้าวเป็นบ่อเลี้ยงปลา และ 4) การปรับเปลี่ยนพื้นที่นาข้าวเป็นเกษตรกรรมทางเลือก นอกจากนี้ ภายในงานยังได้มีการมอบปัจจัยการผลิตทางการเกษตร ได้แก่ กล้าไม้ผล พันธุ์หม่อน พันธุ์ปลา พันธุ์หญ้าเนเปียร์ปากช่อง เมล็ดพันธุ์พืชปุ๋ยสดบำรุงดิน (เมล็ดปอเทือง) และกระบือด้วย
 

"เกษตรกรต้องมีความสมัครใจในการเข้าร่วมโครงการ ในขณะเดียวกัน ภาครัฐต้องมีปัจจัยในการสนับสนุน อาทิ พันธุ์ปลา โค-กระบือ เป็นต้น ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดเตรียมเสนอของบประมาณดำเนินการและกำลังจัดทำแผนระยะยาวต่อไป โดยหวังว่าจะเป็นการยกระดับให้แก่เกษตรกรได้อีกทางหนึ่ง" พลเอก ฉัตรชัย กล่าว


 
 

LastUpdate 15/07/2559 14:25:07 โดย : Admin

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 2:34 am