ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 11 - 14 กรกฎาคม 2559 ได้มีภารกิจเดินทางเยือนกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างกัน ตลอดจนส่งเสริมธุรกิจด้านนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ การสร้างภาพลักษณ์ และความเชื่อมั่นต่อสินค้าไทยในตลาดสหราชอาณาจักร
การเดินทางในครั้งนี้ เป็นโอกาสอันดีที่ได้กระชับความสัมพันธ์ และขยายโอกาสการค้าการลงทุน รวมถึงการสร้างโอกาสการบูรณาการงานร่วมกันระหว่างไทย – สหราชอาณาจักร โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนาม จัดตั้ง Thai – UK Business Leadership Council โดยมีผู้ลงนามจากทั้ง 2 ฝ่าย ได้แก่ ภาครัฐบาล คือ Mr. Mark Garnier ตำแหน่ง ผู้แทนการค้าพิเศษของนายกฯ UK และนายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ตำแหน่ง ผู้ช่วยรัฐมนตรี กระทรวงการต่างประเทศ และภาคเอกชน ได้แก่ Lord Charles Powell ตำแหน่ง ประธาน International Advisory Board ของ บริษัท Rolls Royce และนายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท.ปตท ร่วมกันลงนามจัดตั้ง Thai – UK Business Leadership Council
โดยจะเป็นกรอบความร่วมมือการส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างกัน เพื่อให้คำแนะนำและสนับสนุนรัฐบาลของทั้งสองฝ่ายในการสร้างบรรยากาศทางธุรกิจที่เอื้อต่อการค้าการลงทุนระหว่างกัน การเป็นประตูสู่ภูมิภาคเอเชีย และยุโรป การจัดตั้งหุ้นส่วนธุรกิจหลายฝ่ายเพื่อการลงทุนในประเทศที่สาม อาทิ โครงการในเรื่อง Creative Economy ร่วมกันระหว่าง ไทย-สหราชอาณาจักร-จีน การเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ การพัฒนาถ่ายทอดเทคโนโลยี การส่งเสริมด้านนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ โดยจัดทำข้อเสนอแนะไปยังภาครัฐของทั้งสองประเทศ และจะมีการหมุนเวียนเป็นเจ้าภาพจัดประชุมระหว่างกันทุกปีเพื่อกระชับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจการค้าให้แน่นแฟ้น โดยการประชุมครั้งแรกไทยจะเป็นเจ้าภาพในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมศกนี้
นอกจากนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และคณะได้หารือกับ Department for Business Innovation & Skill เพื่อหารือเกี่ยวกับการผลักดันให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการลงทุนในทักษะ และการศึกษา เพื่อส่งเสริมการค้า เพิ่มนวัตกรรม และช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาตนเองให้เติบโตได้ โดยต่างเห็นควรมุ่งเน้นการพัฒนาด้านการวิจัย และให้ความสำคัญร่วมมือกันในเรื่องของ Culture, Creative, High - Value Services และ Strategic Partner เพื่อจะนำมาพัฒนาการดำเนินการตามนโยบาย Thailand 4.0 ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยต่อไป
ในส่วนของการพบปะภาคธุรกิจของไทยในสหราชอาณาจักร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยเพิ่มเติมว่าได้มีโอกาสพบปะหารือกับสมาคมธุรกิจไทยในสหราชอาณาจักร (ATBUK: Association of Thai Businesses in the UK) โดยได้ทราบถึงปัญหาการขาดแคลนแรงงานฝีมือในภาคธุรกิจบริการของไทย ทั้งพ่อครัวแม่ครัว และพนักงานนวดไทย และผลกระทบจาก Brexit ที่ส่งผลให้ค่าเงินปอนด์ลดลง กระทบต่อสินค้าไทย ทำให้ราคาสินค้าไทยสูงขึ้นมากถึงร้อยละ 15 ก่อให้เกิดปัญหาการแข่งขันได้ในด้านราคา
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของอุตสาหกรรมบริการ อาทิ โรงแรม และสปา ได้รับผลกระทบในเชิงบวก ซึ่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ให้คำแนะนำในเรื่องของการมุ่งเน้น Service Industry and Service Investment โดยใช้กรอบความร่วมมือ Thai – UK Business Leadership Council ในการแก้ไขปัญหาเชิงระบบ ในเรื่องของการจ้างงาน ซึ่งกระทรวงแรงงานฯ จำเป็นต้องเร่งดำเนินการ และการส่งเสริมภาพพจน์สินค้าไทยว่าเป็นสินค้าคุณภาพ เร่งประชาสัมพันธ์แบรนด์ไทยให้มีความเข้มแข็งในตลาดยุโรป ซึ่งกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ต้องให้ความสำคัญ และเร่งดำเนินการ นอกจากนี้ กรอบความร่วมมือ Thai – UK Business Leadership Council จะเป็นกลไกที่เริ่มจาก B2B ไป G2G และจะทำให้เกิดสร้างความเข้มแข็งในการเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจระหว่างไทย และ สหราชอาณาจักรต่อไป
ในการเดินทางในครั้งนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เข้าชมงาน Farnborough International Airshow 2016 เพื่อเข้าชมนวัตกรรม ด้านอุตสาหกรรมการบิน (Aviation industry) ซึ่งไทยส่งเสริมการผลิตและการส่งออกของส่วนประกอบอากาศยานและอุปกรณ์การบิน โดยมีมูลค่าการส่งออก 42.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นอันดับที่ 16 ของสินค้าอุตสาหกรรมที่ไทยไปสหราชอาณาจักร และได้พบนวัตกรรมสร้างสรรค์ใหม่ๆในเชิงวิศวกรรม และการวิจัยที่จะสามารถนำมาต่อยอดให้ไทยเป็นผู้นำอุตสาหกรรมนี้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
มูลค่าการค้ารวมไทยและสหราชอาณาจักรเฉลี่ย 3 ปีที่ผ่านมา (2556 - 2558) มีมูลค่า 3,667.3 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยระหว่างปี 2556-2558 สหราชอาณาจักรเป็นคู่ค้าอันดับที่ 19 ของไทย และถือเป็นคู่ค้าอันดับที่ 2 จากสหภาพยุโรป ในระหว่างเดือน ม.ค.-พ.ค. 2559 การค้าระหว่างไทย-สหราชอาณาจักร มีมูลค่า 2,241.64 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยเป็นฝ่ายเกินดุลการค้า 751.25 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออกไปยัง สหราชอาณาจักรคิดเป็นมูลค่า 1,496.44 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้าจากสหราชอาณาจักรคิดเป็นมูลค่า 745.19 ล้านเหรียญสหรัฐ หากพิจารณาข้อมูลของประเทศ แล้วจะเห็นได้ว่า สหราชอาณาจักรถูกจัดอยู่ในระดับในประเทศที่มีรายได้สูง
สินค้าที่ไทยส่งออกไปสหราชอาณาจักรที่สำคัญ ได้แก่ ไก่แปรรูป, รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ, แผงวงจรไฟฟ้า, รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ, อัญมณีและเครื่องประดับ, เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ, เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ, อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป, ผลิตภัณฑ์พลาสติก และเครื่องนุ่งห่ม
สินค้าที่ไทยนำเข้าจากสหราชอาณาจักรที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ, เครื่องดื่มน้ำแร่ น้ำอัดลม และสุรา, แผงวงจรไฟฟ้า, เคมีภัณฑ์, ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม, เครื่องบิน เครื่องร่อน อุปกรณ์การบิน, เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ, สบู่ ผงซักฟอกและเครื่องสำอาง, เครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ และพืชและผลิตภัณฑ์จากพืช
ข่าวเด่น