พาณิชย์ปลื้มผลไม้ภาคใต้ปีนี้ราคาฉลุย หลังผลผลิตลดลง ปริมาณน้อยกว่าความต้องการของตลาด ทั้งทุเรียน มังคุด เงาะ มีราคาปรับตัวสูงขึ้น เตรียมพร้อมหาตลาดรองรับ
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงการติดตามสถานการณ์ผลไม้ภาคใต้ปี 2559 ว่า จากการสั่งการให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดในพื้นที่ที่มีการเพาะปลูกผลไม้สำคัญในภาคใต้สำรวจปริมาณผลผลิตของผลไม้ชนิดต่างๆ พบว่า สถานการณ์ล่าสุด ปริมาณผลผลิตผลไม้ภาคใต้มีไม่มาก เมื่อเทียบกับความต้องการของตลาด เพราะปีนี้อากาศร้อนและแล้งยาว ทำให้ผลไม้ออกช้า แต่อาจมี การกระจุกตัวบ้างในบางช่วง จึงมีแนวโน้มที่จะไม่มีปัญหาเรื่องราคา ทั้งทุเรียน มังคุด เงาะ ยกเว้นลองกอง ที่อาจมีความอ่อนไหวและมีจุดเสี่ยงบ้าง เนื่องจากผลผลิตจะออกพร้อมกัน เผยแนวโน้มราคา ทุเรียนกิโลกรัมละ 93-95 บาท มังคุด 110-115 บาท เงาะ 17 บาท และลองกอง 14 บาท
ผลผลิตทุเรียนมีออกสู่ตลาดประปราย ปริมาณเข้าสู่ตลาดไม่มากนัก ประมาณ 6% ระดับราคาซื้อขายอยู่ในเกณฑ์สูง เกรดส่งออก A-B อยู่ที่ กิโลกรัมละ 93-95 บาท ตกไซต์ ราคากิโลกรัมละ 70 บาท แหล่งเพาะปลูกที่สำคัญ ได้แก่ จังหวัดชุมพร นครศรีธรรมราช และยะลา ช่วงที่ออกสู่ตลาดมาก คือ เดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2559 มีผลผลิตรวมประมาณ 226,841 ตัน ความต้องการของตลาดมีจำนวน 395,543 ตัน มีตลาดรองรับ คือ จีน 65% ตลาด กรุงเทพมหานคร (กทม.) 24% ที่เหลือกระจายในประเทศ โดยดูจากแนวโน้มความต้องการของตลาด และราคาแล้วไม่น่ามีปัญหา
สำหรับมังคุด มีออกสู่ตลาดบ้างและปริมาณไม่มากเช่นกัน ส่วนใหญ่เป็นผลผลิตจากแถบอำเภอกะเปอร์และกระบุรี จังหวัดระนอง ราคาซื้อขายเบอร์ 1-2 อยู่ที่กิโลกรัมละ 110-115 บาท เบอร์ 3 ราคากิโลกรัมละ 100 บาท และผลเล็ก (ลูกดอก) กิโลกรัมละ 53 บาท แหล่งเพาะปลูกที่สำคัญ ได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ชุมพร นราธิวาส พังงา และระนอง ช่วงที่ออกสู่ตลาดมาก คือ เดือนสิงหาคม-กันยายน 2559 มีผลผลิตรวมประมาณ 104,581 ตัน ความต้องการของตลาดมีจำนวน 122,932 ตัน โดยมีตลาดรองรับ คือ ส่งออก 45% ตลาด กทม. และหัวเมือง 32% ห้างค้าปลีกสมัยใหม่ 0.37% และแปรรูป 0.83% ที่เหลือกระจายในประเทศ อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนของมังคุดยังอยู่ที่เรื่องคุณภาพ เนื่องจากผลกระทบแล้ง และ ในบางช่วงที่ฝนตกทำให้คุณภาพของมังคุดลดลง
ส่วนเงาะ ตอนนี้ยังไม่มีผลผลิตออกสู่ตลาด แหล่งเพาะปลูกที่สำคัญ ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และนราธิวาส ผลผลิตรวมประมาณ 68,150 ตัน ช่วงที่ออกสู่ตลาดมาก คือ ช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน 2559 ความต้องการของตลาด มีจำนวน 60,386 ตัน โดยมีตลาดรองรับ คือ ส่งออก 8.46% โรงงานแปรรูป 3.63% ห้างค้าปลีก 2.53% ที่เหลือกระจายจำหน่ายในประเทศ ราคาเงาะเฉลี่ยที่ ก.ก. ละ 17 บาท
ในส่วนของลองกอง ตอนนี้ยังไม่มีผลผลิตออกสู่ตลาด แหล่งเพาะปลูกที่สำคัญ ได้แก่ ชุมพร ยะลา นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี นราธิวาส และปัตตานี ช่วงที่ออกสู่ตลาดมาก คือ ช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม 2559 ผลผลิตรวมประมาณ 60,883 ตัน ความต้องการของตลาดมีจำนวน 65,626 ตัน โดยมีตลาดรองรับ คือ ส่งออก 4% ห้างค้าปลีก 1.68% ที่เหลือกระจายจำหน่ายในประเทศ ราคาลองกองเฉลี่ยที่ ก.ก. ละ 14 บาท
นางอภิรดีกล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ ได้จัดเตรียมมาตรการรองรับ โดยจะเร่งกระจายผลผลิตออกแหล่งผลิตไปสู่ตลาดโดยเร็ว ซึ่งขณะนี้พาณิชย์จังหวัดได้เตรียมรองรับผลผลิตผลไม้ไว้แล้ว โดยเฉพาะการเชื่อมโยงตลาดนำผลไม้จากภาคใต้กระจายไปยังจังหวัดอื่นๆ ให้มากขึ้น เช่น ขอความร่วมมือห้างโมเดิร์นเทรดช่วยรับซื้อผลผลิต ประสานขอสถานที่จำหน่าย เพื่อให้เกษตรกรนำผลผลิตมาจำหน่ายโดยตรง เช่น กทม. การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โรงงานยาสูบ เป็นต้น จำหน่ายผลผลิตผ่านเครือข่าย Biz Club ปัจจุบันมีครบทั้ง 77 จังหวัด มีสมาชิกรวม 8,664 ราย กระจายผลผลิตผ่าน Farm Outlet
ทั้งนี้ เฉพาะลองกอง กรมการค้าภายใน ได้เตรียมการจัดสรรงบประมาณสำหรับการกระจายลองกองของ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไว้แล้ว เพราะต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว เพื่อให้การกระจายผลผลิตออกจากแหล่งผลิตไปยังตลาดต่างๆ ทำได้เร็ว เพราะลองกองเน่าเสียได้ง่าย
ข่าวเด่น