KTIS ตั้งเป้าสร้างรายได้จากบรรจุภัณฑ์ชานอ้อยเพิ่มอีกเท่าตัวภายใน 3 ปี โดยสัดส่วนรายได้จะเพิ่มจาก 4%เป็น 8%ของสายการผลิตและจำหน่ายเยื่อกระดาษจากชานอ้อย เผยเป็นการดำเนินงานตามนโยบายสร้างมูลค่าเพิ่มจากผลิตภัณฑ์ต่างๆ ไม่ใช่เพียงแค่ลดของเสียเหลือศูนย์ที่ทำได้มานานแล้ว ย้ำกลุ่ม KTIS ไม่ได้คิดแค่เพิ่มรายได้หรือผลกำไร แต่ยังคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมด้วย
นายณัฎฐปัญญ์ ศิริวิริยะกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTIS ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลทรายและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เปิดเผยว่า จากการที่กลุ่ม KTIS ได้เพิ่มสายการผลิตบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ทำจากเยื่อชานอ้อย 100% ขึ้นมา ในช่วงไตรมาสที่ 2ของปี 2559 ด้วยกำลังการผลิต 2.4 ตันต่อวัน ขณะนี้ได้ผลิตบรรจุภัณฑ์ประเภทแรก เป็นจานกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 นิ้ว 7 นิ้ว 9 นิ้ว และ 10 นิ้ว ออกจำหน่ายแล้ว และมีแผนงานที่จะผลิตชาม กล่องใส่อาหาร และถาดหลุมใส่อาหาร ออกมาในเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ บริษัท เอ็นไวรอนเม็นท์พัลพ์ แอนด์ เปเปอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ KTIS ถือหุ้น 100% เป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมจากเยื่อชานอ้อย 100% ได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าในช่วงปีแรกของการเริ่มผลิตสินค้าใหม่นี้สัดส่วนของรายได้บรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมจากเยื่อชานอ้อย 100% จะไม่สูงนัก โดยจะอยู่ที่ประมาณ 4% ของการผลิตและจำหน่ายเยื่อกระดาษจากชานอ้อย และมีแผนว่าจะสร้างรายได้จากบรรจุภัณฑ์ชานอ้อยอีกเท่าตัวภายใน 3 ปีซึ่งสัดส่วนรายได้จะเพิ่มเป็น 8% ของสายการผลิตและจำหน่ายเยื่อกระดาษจากชานอ้อย
"กลุ่ม KTIS มีนโยบายชัดเจนที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มจากผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้ได้มากยิ่งขึ้นในอนาคต หลังจากที่เราได้ดำเนินการด้วยแนวทาง Zero Waste หรือการลดของเหลือทิ้งให้เหลือศูนย์ และนำมาสร้างรายได้ได้ทั้งหมดแล้ว ซึ่งบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมจากเยื่อชานอ้อย 100% นี้ คือ การต่อยอดจากที่เราจำหน่ายเยื่อกระดาษชานอ้อยมาเป็นเวลา 10 กว่าปี นอกจากนี้ เรายังได้ศึกษาถึงการนำอ้อย น้ำตาลทราย และเอทานอล ไปต่อยอดทำผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นอีกด้วย" นายณัฎฐปัญญ์ กล่าว
รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม KTIS กล่าวด้วยว่า ในกรณีของบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมจากชานอ้อย100% นอกจากจะช่วยเพิ่มรายได้ เพิ่มกำไรให้กับกลุ่มบริษัทฯ แล้ว สิ่งที่กลุ่ม KTIS คำนึงถึงอยู่ตลอดเวลาก็คือ การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐที่รณรงค์ให้ภาคเอกชนและประชาชนรักษาสิ่งแวดล้อม ลดการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ใช้แล้วทิ้ง หรือกล่องโฟมที่ย่อยสลายยาก ทำให้เกิดปัญหาด้านการจัดการขยะ ในขณะที่บรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมจากชานอ้อย 100% สามารถนำมาใช้ทดแทนโฟมได้ และมีผลดีอย่างมากกับสิ่งแวดล้อม เพราะสามารถย่อยสลายในเวลาอันรวดเร็ว
อนึ่ง โรงงานผลิตเยื่อกระดาษจากชานอ้อยของกลุ่ม KTIS นี้ เป็นโรงงานที่ผลิตเยื่อกระดาษจากชานอ้อยแห่งเดียวในประเทศไทยและใช้กระบวนการฟอกขาวแบบปราศจากคลอรีน อีกทั้งเป็นผลิตภัณฑ์เยื่อกระดาษรายแรกของประเทศไทยที่ได้รับมาตรฐานปลอดภัยต่อการบริโภค GMP & HACCP โดยได้ผลิตและจำหน่ายให้กับผู้ผลิตกระดาษทิชชู่ กระดาษรีมที่ใช้ในสำนักงานทั่วไป รวมถึงกระดาษในรูปแบบอื่นๆ ซึ่งสามารถทดแทนการตัดต้นไม้ได้ถึงปีละ32 ล้านต้น โดยในปี 2558 กลุ่ม KTIS มีรายได้จากสายการผลิตและจำหน่ายเยื่อกระดาษจากชานอ้อย 1,305 ล้านบาท
ข่าวเด่น