บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ (SGP) แจ้งว่า ตามที่ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2559 ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทเข้าซื้อเงินลงทุนในกิจการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม ขนาด 230 เมกะวัตต์ (MW) ในประเทศเมียนมาร์ โดยการเข้าลงทุนครั้งนี้มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 48 ล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเป็นประมาณ 1,688.16 ล้านบาทโดยให้ SIAM GAS POWER PTE. LTD. (SPW) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่จดทะเบียนจัดตั้งในประเทศสิงคโปร์ โดยบริษัทถือหุ้น 100% เป็นผู้เข้าลงทุน โดยได้ลงนามสัญญาจะซื้อจะขายหุ้น (Sales and Purchase Agreement) เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา และคาดว่าจะดำเนินการซื้อขายหุ้นแล้วเสร็จภายในปีนี้
ทั้งนี้ SPW จะเข้าลงทุนในกิจการที่เกี่ยวข้องกับโรงไฟฟ้าดังกล่าว 3 บริษัท ซึ่งจะถือหุ้นในแต่ละบริษัทสัดส่วน 30% ได้แก่ MSN International Limited (MSN) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเกี่ยวกับธุรกิจพลังงาน จัดตั้งในมาเลเซีย ,Asiatech Energy Pte. Ltd. (AEPL) ให้บริการเกี่ยวกับธุรกิจพลังงาน จัดตั้งในสิงคโปร์ และ MYANMAR LIGHTING (IPP) Co., Ltd. (MLIPP) จัดตั้งในเมียนมาร์ ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้า
โดยการลงทุนแบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอน ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 SPWเข้าทำรายการดังต่อไปนี้กับผู้ขาย โดยชำระค่าตอบแทนทั้งหมดให้แก่ผู้ขายคิดเป็นเงินจำนวน 24 ล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเป็นประมาณ 844.08 ล้านบาท คำนวณตามอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ย ธนาคารแห่งประเทศไทย ณ วันที่ 15 กรกฎาคม 2559 ในอัตรา 1 เหรียญสหรัฐเท่ากับ 35.17 บาท) ซึ่งการเข้าทำรายการดังกล่าวคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในเดือนกรกฎาคม 2559
SPWซื้อหุ้น MSN และ AEPLจากผู้ขายในสัดส่วนร้อยละ 30 ของทุนจดทะเบียนและเรียกชำระแล้วใน MSN และ AEPLส่งผลให้เมื่อทำรายการเสร็จสิ้น SPWจะเป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 30 ของทุนจดทะเบียนและเรียกชำระแล้วในMSN และ AEPL
ขั้นตอนที่ 2
SPWซื้อหุ้นMLIPPจากผู้ขายในสัดส่วนร้อยละ 30 ของทุนจดทะเบียนและเรียกชำระแล้ว โดยชำระค่าหุ้นจำนวน 24 ล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเป็นประมาณ 844.08 ล้านบาท คำนวณตามอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ย ธนาคารแห่งประเทศไทย ณ วันที่ 15 กรกฎาคม 2559ในอัตรา 1 เหรียญสหรัฐเท่ากับ 35.17 บาท) ทั้งนี้บริษัทจะชำระค่าหุ้นในส่วนนี้ให้แก่ผู้ขาย เมื่อ SPWได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของประเทศเมียนมาร์ ให้เข้าเป็นผู้ถือหุ้นโดยตรงใน MLIPPซึ่งการเข้าทำรายการดังกล่าวคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในเดือนพฤศจิกายน 2559
สำหรับแหล่งเงินลงทุนที่ใช้ในการดำเนินการจะมาจากกระแสเงินสดภายในของบริษัท และจากการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ซึ่งการลงทุนในครั้งนี้จะส่งผลให้บริษัทสามารถขยายการประกอบธุรกิจด้านพลังงานอื่นเพิ่มเติม โดยเป็นธุรกิจทางด้านโรงไฟฟ้า จะช่วยให้มีรายได้และได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนเพิ่มมากขึ้น รวมถึงจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทด้วย ตลอดจนช่วยกระจายความเสี่ยงของรายได้จากการจำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัท
ข่าวเด่น