ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วานนี้ เริ่มแกว่งในกรอบที่แคบลงระหว่าง 1,508-1,515 จุด หุ้นหลักกลุ่ม ICT / พลังงาน / ปิโตรเคมี เริ่มเผชิญกับแรงขายทำกำไรมากขึ้น หุ้นอสังหาฯ หุ้นขนาดกลางเล็กเริ่มเด่น ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX บวกเล็กน้อย 3.53 จุด มาอยู่ที่ 1,512.66 จุด มูลค่าการซื้อขาย 53,688 ล้านบาท
ต่างชาติยังคงเลือกซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 11 ลดลงเหลือ 1,905 ล้านบาท Long สุทธิใน SET50 Index Futures อีกครั้ง 4,756 สัญญา แต่คงการขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 4 เร่งขึ้นเป็น 3,284 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
- การประชุมเฟดเริ่มแล้ววันนี้ และสรุปผลคืนวันพรุ่งนี้ ตามเวลาประเทศไทย
- เงินทุนต่างชาติเริ่มชะลอในตลาดหุ้นเอเชียเกิดใหม่
- ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดต่ำกว่าแนวรับสำคัญ US$44/barrel ปิดที่ US$43.13/barrel
- วันนี้ที่ประชุมครม. จะมีการพิจารณาอนุมัติโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน และแดงเข้ม
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 4)
เราประเมินเม็ดเงินทุนต่างชาติชะลอตัวมากขึ้นในช่วง 2 วันทำการนี้ เพื่อรอดูผลการประชุมเฟดในวันนี้และพรุ่งนี้ แน่นอนว่าครั้งนี้ตลาดฟันธงว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.50% แต่มุมมองต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ เศรษฐกิจโลก และทิศทางอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ยังเป็นเงื่อนไขของเฟดมากน้อยเพียงใด
กรอบแกว่งของ SET INDEX ในมุมมองของเราอยู่ระหว่าง 1,505-1,520 จุด มูลค่าการซื้อขาย 5.0-5.5 หมื่นล้านบาท หุ้นหลักที่ขึ้นมาเด่นก่อนหน้าไม่ว่าจะเป็นกลุ่มพลังงาน /ปิโตรเคมี / ICT จะแกว่งในกรอบแคบมากขึ้น พร้อมเผชิญกับแรงขายทำกำไรมากขึ้นในช่วงสั้นนี้ เพราะ Upside gain ของกลุ่มเหล่านี้จำกัดทั้งในแง่ของปัจจัยพื้นฐาน และเทคนิค
สำหรับกลุ่มหลัก เราเชื่อว่ากลุ่มธนาคารจะมี downside risk ที่จำกัด แม้ว่าผลการดำเนินงานใน 2Q59 จะยังมีประเด็นเสี่ยงในกลุ่ม SMEs ต่อเนื่อง แต่กลุ่ม Consumer Finance กลับเห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่แข็งแกร่ง ทำให้รอบนี้ SCB จะเด่นเหนือ KBANK บวกกับผลตอบแทนเงินปันผลระหว่างกาลราว 2.0% ทำให้กลุ่มธนาคารจะเป็นกลุ่มที่ช่วยประคองภาพรวม และกลุ่มอสังหาฯ ที่เริ่มฟื้นตัวจะยังมี โมเมนตัมเชิงบวกต่อเนื่อง
กลยุทธ์การลงทุน “ทยอยสะสมหุ้นขนาดกลางและเล็กที่มีประเด็นการลงทุนเชิงบวกเฉพาะตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลการดำเนินงาน 2Q59” ส่วนหุ้นหลักเราให้น้ำหนักกลุ่มธนาคาร และอสังหาฯ ต่อเนื่อง
Strategy of the Day
1. เก็งกำไร IVL : ราคาปิด 32.50 บาท ราคาเหมาะสม 38.50 บาท
a) ราคาหุ้นมีปัจจัยบวกรออยู่ โดยคาดว่ากำไรจากการดำเนินงานปกติใน 2Q59 จะเติบโตเท่าตัว qoq เป็น 2,200 ล้านบาท จาก 1Q59 ที่ 1,123 ล้านบาท และเมื่อรวมกำไรพิเศษจากการซื้อกิจการ และกำไรจากสต็อก ส่งผลให้กำไรสุทธิ 2Q59 คาดว่าจะสูงถึง 4,100 – 4,800 ล้านบาท
b) คงมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตของกำไรใน 3 ปีข้างหน้า จากแรงผลักดันของกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น และสัดส่วนสินค้าประเภท HVA ที่มีอัตรากำไรสูงจะหนุนให้กำไรจากการดำเนินงานปกติปี 2559 เติบโต +44% yoy เป็น 6,994 ล้านบาท ต่อเนื่อง +34% yoy เป็น 9,385 ล้านบาท ในปี 2560 และแตะระดับ 11,104 ล้านบาท ในปี 2561
c) มี Upside 18% จากราคาเป้าหมาย สูงที่สุดในหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีที่อยู่ใน Coverage ของเรา
2. เก็งกำไร GOLD : ราคาปิด 6.40 บาท ราคาเหมาะสม 8.00 บาท
a) คาดกำไรสุทธิ 2Q59 ที่ 200 ล้านบาท +/- เติบโตทั้ง yoy และ qoq จากรายได้ที่คาดว่าจะทำระดับสูงสุดใหม่ที่ 3,000 ล้านบาท ตามการส่งมอบโครงการแนวรายที่ขยายตัวโดดเด่น
b) รายได้ค่าเช่าจะช่วยหนุนการเติบโตในระยะยาว โดยตึก FYI Center ซึ่งเปิดให้บริการใน 2Q59 มี Occupancy Rate ที่ 68% และจะเริ่มเปิดให้บริการในส่วนของโรงแรม Modena ใน 3Q59 จึงคาดว่ากำไรสุทธิปี 2559 จะเติบโต +24% yoy เป็น 804 ล้านบาท
c) ยัง Laggard โดย YTD หุ้น GOLD เพิ่มขึ้นเพียง +4.1% เทียบกับ SET Property +10.6% และ SET INDEX +17.4% และมี Downside Risk ที่จำกัด เนื่องจากราคาปัจจุบันต่ำกว่าราคาเพิ่มทุน PP ให้กับกลุ่ม Fraser ที่ 7.25 บาท ในช่วงเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
คงซื้อสุทธิอีก US$451 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$226 ล้าน
เป็นการซื้อสุทธิทุกตลาดอีกครั้ง
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติยังคงเลือกสะสมหุ้นเป็นรายตัว
นักลงทุนต่างชาติ คงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 11 ลดลงเล็กน้อยเป็น 1,905 ล้านบาท รวม 11 วันทำการซื้อสุทธิทะลุ 30,000 ล้านบาท เป็น 30,154 ล้านบาท และทำให้ YTD ต่างชาติซื้อสุทธิทะลุ 70,000 ล้านบาท เป็น 70,074 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Long สุทธิอีกครั้ง 4,756 สัญญา คาดว่าจะเป็นการปิดสถานะ Short ที่ถือไว้ก่อนหน้า กดดันให้ QTD มีสถานะ Short ลดลงเหลือ 495 สัญญา และผลักดันให้ S50U16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้นเป็น 7.42 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เพียง 5.28 จุด
และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้คงการขายสุทธิเป็นวันที่ 4 เร่งขึ้นเป็น 3,284 ล้านบาท รวม 4 วันทำการขายสุทธิ 7,423 ล้านบาท เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 4,293 ล้านบาท ขณะที่ราคาพันธบัตรไทยกลับมาลดลงอีกครั้ง ผ่านพันธบัตรไทย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น 1.22bps จากวันก่อนหน้าลดลงเล็กน้อย 0.45bps ปิดที่ 2.115%
Short-Selling วานนี้
ลดลงเป็นวันที่ 2 เหลือ 631 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 809 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 13 กลับมาเน้นกลุ่มขนส่งอีกครั้ง
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิ 1,193 ล้านบาท ลดลงจากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 2,612 ล้านบาท รวม 13 วันทำการ ซื้อสุทธิทะลุ 35,000 ล้านบาท เป็น 39,089 ล้านบาท กลับมาเน้นสะสม 3 กลุ่มหลักคือ ขนส่ง ธนาคาร และค้าปลีก
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ไม่มี
ยุโรป
สเปนคาดเศรษฐกิจเติบโต 2.9% ปีนี้: เร่งขึ้นจากประมาณการเดินก่อนหน้าที่ 2.7% แต่ชะลอตัวจากปี 2558 ที่เติบโตดีที่สุดใน 8 ปีที่ 3.2% จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และความต้องการภาคครัวเรือนที่ฟื้นตัว รวมถึงภาวะการจ้างงานและราคาน้ำมันที่ลดลง
จีน
ธนาคารพาณิชย์จีนเริ่มทยอยขายหนี้เสีย: ล่าสุดธนาคาร Agricultural Bank ประกาศแผนขายหนี้เสียในลักษณะ Securitization มูลค่า 1.07 หมื่นล้านหยวน ของยอด NPLs ในตลาดตราสารหนี้ ทั้งนี้การขายดังกล่าวคิดเป็น 29% ของมูลค่าหน้าตั๋ว และคาดการณ์ยอดหนี้ฟื้นตัว 41%
เอเชียแปซิฟิก
ไต้หวันปรับลดประมาณการ GDP ปีนี้ลงเหลือ 0.77%: สถาบันวิจัยเศรษฐกิจไต้หวัน (TIER) ปรับประมาณการ GDP ปีนี้ 0.77% จากเดิม 1.27% ที่เคยคาดการณ์ไว้เดือนเม.ย. และเป็นการปรับลดครั้งที่ 3 ในรอบปีนี้ หลังยอดส่งออกและคำสั่งซื้อสินค้าส่งออกของไต้หวันอ่อนแรงลงต่อเนื่อง
เศรษฐกิจเกาหลีใต้ขยายตัวดีขึ้น: GDP ใน 2Q59 เติบโต 0.7% qoq เร่งขึ้นจาก 0.5% qoq ใน 1Q59 และดีกว่า Bloomberg consensus คาด 0.6% qoq เป็นผลจากมาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับการซื้อรถ ช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ และการลงทุนที่ขยายตัวต่อเนื่อง จากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ ทั้งนี้ภาคการบริโภคเอกชนขยายตัว 0.9% qoq จากที่หดตัวในไตรมาสก่อนหน้า การลงทุนภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 2.9% qoq และการใช้จ่ายภาครัฐ เพิ่มขึ้น 0.2% qoq
ไทย
ไม่มี
โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 26 ก.ค. 2559
ข่าวเด่น