ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
หยิบเงินหยิบทอง - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง


 


ตลาดหุ้นไทยวานนี้
          SET INDEX วานนี้ เริ่มกลับมาปรับฐานอีกครั้ง แต่แนวรับ 1,500 จุด ยังทำงานได้แข็งแกร่ง หุ้นที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัวจะขยับได้ดีกว่าภาพรวม เช่น BEM / CK/ HMPRO เป็นต้น ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,504.81 จุด ลบเล็กน้อย 7.85 จุด มูลค่าการซื้อขาย 58,693 ล้านบาท
ต่างชาติยังคงเลือกซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 12 มากถึง 2,792 ล้านบาท Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 อีก 5,575 สัญญา แม้คงการขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 5 เร่งขึ้นเป็น 6,088 ล้านบาท

ปัจจัยสำคัญวันนี้
          ติดตามผลการประชุมเฟดคืนนี้ ตลาดคาดเฟดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50%
          ครม.อนุมัติโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน – แดงเข้ม วงเงิน 4.4 หมื่นล้านบาท
          เม็ดเงินทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทยกลับมาหนาแน่นอีกครั้ง
          ติดตามการส่งออกเดือนมิ.ย.ของไทย Bloomberg consensus คาด –2.6% yoy ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้า -4.4% yoy
          ติดตามผลการดำเนินงานของ SCC คาดประกาศหลังปิดตลาดรอบเช้า เราคาดกำไรสุทธิ 1.3 หมื่นล้านบาท เติบโต 4% yoy แต่ -0.2% qoq 

มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 5)
          เรายังคงประเมินกรอบแกว่งของ SET INDEX วันนี้ระหว่าง 1,505-1,520 จุด หุ้นหลักยังคงอยู่ในโซนของการพักฐาน เพื่อรอดูผลการประชุมเฟดในคืนนี้ เราและ Bloomberg consensus คาดเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% ต่อไป แต่ใจความสำคัญคือความเห็นของเฟดต่อโอกาสขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งภายในปีนี้จะคงเดิมหรือไม่ หรือมีเงื่อนไขอย่างไร เพื่อนำมาประเมินทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และการเคลื่อนย้ายเงินทุนต่อการลงทุนในตลาดเอเชียเกิดใหม่ รวมถึงตลาดหุ้นไทย
          ขณะที่ปัจจัยสำคัญระหว่างชั่วโมงการซื้อขายวันนี้ เป็นปัจจัยภายในประเทศ ทั้งตัวเลขการส่งออกเดือนมิ.ย.ของไทย หากออกมาดีกว่าคาด เชื่อว่าจะสร้างความเชื่อมั่นต่อภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย แต่หากออกมาใกล้เคียงคาดก็จะเป็นกลางต่อตลาดหุ้นไทย 
          และติดตามผลการดำเนินงาน SCC คาดประกาศหลังปิดตลาดรอบเช้าวันนี้ เราคาดการณ์กำไรสุทธิ 1.3 หมื่นล้านบาท หากออกมาดีกว่าคาด เราเชื่อว่า SET INDEX จะฟื้นตัวเด่นในรอบบ่ายของวันนี้ อีกทั้งคาด SCC จะประกาศเงินปันผลระหว่างกาล 8 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผลราว 1.6%
          กลยุทธ์การลงทุน “ทยอยสะสมหุ้นขนาดกลางและเล็กที่มีประเด็นการลงทุนเชิงบวกเฉพาะตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลการดำเนินงาน 2Q59” ส่วนหุ้นหลักเราให้น้ำหนักกลุ่มธนาคาร และอสังหาฯ ต่อเนื่อง 

Strategy of the Day          
          1.          เก็งกำไร IVL : ราคาปิด 33.50 บาท ราคาเหมาะสม 38.50 บาท
          a)          ราคาหุ้นมีปัจจัยบวกรออยู่ โดยคาดว่ากำไรจากการดำเนินงานปกติใน 2Q59 จะเติบโตเท่าตัว qoq เป็น 2,200 ล้านบาท จาก 1Q59 ที่ 1,123 ล้านบาท และเมื่อรวมกำไรพิเศษจากการซื้อกิจการ และกำไรจากสต็อก ส่งผลให้กำไรสุทธิ 2Q59 คาดว่าจะสูงถึง 4,100 – 4,800 ล้านบาท 
          b)          คงมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตของกำไรใน 3 ปีข้างหน้า จากแรงผลักดันของกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น และสัดส่วนสินค้าประเภท HVA ที่มีอัตรากำไรสูงจะหนุนให้กำไรจากการดำเนินงานปกติปี 2559 เติบโต +44% yoy เป็น 6,994 ล้านบาท ต่อเนื่อง +34% yoy เป็น 9,385 ล้านบาท ในปี 2560 และแตะระดับ 11,104 ล้านบาท ในปี 2561
          c)          มี Upside 15% จากราคาเป้าหมาย สูงที่สุดในหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีที่อยู่ใน Coverage ของเรา           
          2.          เก็งกำไร CK : ราคาปิด 31.75 บาท ราคาเหมาะสม 34.00 บาท
          a)          หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างมี Sentiment บวก หลังวานนี้ครม.มีมติอนุมัติโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อนและแดงเข้ม มูลค่าโครงการ 4.4 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าจะขายซองประมูลในเดือน ส.ค. และประกวดราคาใน 4Q59 
          b)          จุดเด่นของ CK คือมีบริษัทลูกที่แข็งแกร่ง และอยู่ในธุรกิจสาธารณูปโภคที่สร้างกระแสเงินสดต่อเนื่อง ได้แก่ BEM, TTW และ CKP อิงราคาปิดวานนี้ คิดเป็น NAV ต่อหุ้น CK สูงถึง 30.00 บาท 
          c)          คาดการณ์กำไรสุทธิ 2Q59 จะเติบโตสูง qoq เป็น 500-600 ล้านบาท เนื่องจากจะมีการบันทึกเงินปันผลจากบริษัทลูก และมี Upside Risk หากสามารถบันทึกรายได้งานส่วนเพิ่มโครงการไซยะบุรีได้ .ใน 2Q59 หรือ 3Q59

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets
ซื้อสุทธิอีก US$714 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$451 ล้าน 
และซื้อสุทธิทุกตลาดเป็นวันที่ 2         

Foreign Investors Action วานนี้
QTD ต่างชาติกลับมามีสถานะ Long ใน SET50 Index Futures อีกครั้ง
          นักลงทุนต่างชาติ คงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 12 เร่งขึ้นเป็น 2,792 ล้านบาท รวม 12 วันทำการซื้อสุทธิทะลุ 30,000 ล้านบาท เป็น 32,946 ล้านบาท และทำให้ YTD ต่างชาติซื้อสุทธิทะลุ 70,000 ล้านบาท เป็น 72,866 ล้านบาท
          ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 2 เร่งขึ้นเป็น 5,575 สัญญา รวม 2 วันทำการ Long สุทธิ 10,331 สัญญา คาดว่านักลงทุนกลุ่มนี้กลับมามีสถานะ Long อีกครั้ง และผลักดันให้ QTD มีสถานะ Long เท่ากับ 5,080 สัญญา และกดดันให้ S50U16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบลงเล็กน้อย เป็น 6.66 จุด จากวันก่อนหน้า Discount กว้างถึง 7.42 จุด  
          และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้คงการขายสุทธิเป็นวันที่ 5 มากถึง 6,088 ล้านบาท รวม 5 วันทำการขายสุทธิทะลุ 10,000 ล้านบาท เป็น 13,511 ล้านบาท เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 4,293 ล้านบาท แม้ว่า ราคาพันธบัตรไทยเริ่มฟื้นตัวเล็กน้อย ผ่านพันธบัตรไทย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลง 1.76bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 1.22bps ปิดที่ 2.097%

Short-Selling วานนี้ 
เพิ่มขึ้นเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 784 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 631 ล้านบาท           

NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 14 เป็นลักษณะ Basket Orders อีกครั้ง
          การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิเร่งขึ้นเป็น 2,034 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,193 ล้านบาท รวม 14 วันทำการ ซื้อสุทธิทะลุ 40,000 ล้านบาท เป็น 41,123 ล้านบาท กลับมาเน้นสะสมลักษณะ Basket orders ในกลุ่มหลักของตลาดหุ้นไทย

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา
          ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เป็นกลาง
          - ดัชนีราคาบ้าน S&P CS เดือนพ.ค. ลดลง 0.1% mom สวนทางกับ Bloomberg consensus คาด +0.4% mom แต่ดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า -0.2% mom 
          - ยอดขายบ้านใหม่ เดือนมิ.ย. เท่ากับ 5.92 แสนหลัง ดีกว่า Bloomberg consensus คาด 5.62 แสนหลัง และเดือนก่อนหน้าที่ 5.72 แสนหลัง โดยยอดขายบ้านแข็งแกร่งในทุกๆ ภาค นำโดยตอนกลางของตะวันตกที่เพิ่มขึ้น 44% yoy ส่วนภาคใต้ เพิ่มขึ้น 21% yoy หากเป็นฐานเทียบ mom จะพบว่ายอดขายบ้านในตะวันตกแข็งแกร่ง
          - ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือนก.ค. เท่ากับ 97.3 จุด ดีกว่า Bloomberg consensus คาด 96.0 จุด แต่ใกล้เคียงกับเดือนก่อนหน้าที่ 97.4 จุด นำโดยตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่ง
          - ดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น เดือนก.ค. เท่ากับ 50.9 จุด ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้า 51.3 จุด ทั้งนี้สัญญาณบวกจากการปรับตัวที่ดีขึ้นของผลผลิตและการจ้างงาน

ยุโรป
          คณะกรรมการด้านการคลังอังกฤษเสนอจัดตั้งหน่วยงานกำกับดูแลสถาบันการเงินใหม่: เพื่อทำหน้าที่ในการตรวจสอบและลงโทษสถาบันการเงินที่กระทำผิด ซึ่งจะช่วยเรียกความเชื่อมั่นจากสาธารณะชน รวมถึงการปรับโครงสร้างหลักเกณฑ์กำกับดูแลสถาบันการเงินที่ไม่ได้ทำมาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา โดยคณะกรรมการชุดใหม่นี้จะทำงานแยกออกจากหน่วยงาน Prudential Reguation Authority และ Financial Conduct Authority ของ BoE 
          สมาชิก BoE ส่งสัญญาณเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ: นาย Martin Weale เป็นหนึ่งในผู้กำหนดนโยบายของ BoE ออกมาให้ความเห็นถึงกรณี Brexit ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจมากกว่าที่เคยประเมินไว้ก่อนหน้า เขาจึงเรียกร้องให้มีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน โดยให้น้ำหนักกับมาตรการลักษณะ QE ถือเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ

จีน          
          ไม่มี

เอเชียแปซิฟิก
          อินเดียพบแหล่งก๊าซขนาดใหญ่ในมหาสมุทรอินเดีย: การสำรวจร่วมระหว่างทางการอินเดีย และสหรัฐฯ พบแหล่งก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ที่บริเวณอ่าวเบงกอล ห่างจากชายฝั่งของอินเดียด้านตะวันออก ซึ่งอาจมีปริมาณก๊าซมากกว่าแหล่งก๊าซอื่นๆ ทั่วโลก
          อินโดนีเซียคาดปีนี้เศรษฐกิจเติบโต 5.3%: รัฐบาลอินโดนีเซีย คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของอินโดนีเซียจะขยายตัวที่ 5.1% ช่วงครึ่งหลังของปี 2559 จากการใช้งบประมาณที่เกี่ยวกับการพัฒนาประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น ท่ามกลางการฟื้นตัวของการส่งออกของอินโดนีเซียที่กลับมาปรับตัวสูงขึ้นในช่วง 3 เดือน หลังที่ผ่านมา ขณะที่ตลอดทั้งปีนี้ รัฐบาลอินโดนีเซียประมาณการณ์ว่า เศรษฐกิจจะขยายตัวที่ 5.3%
          รมว.คลัง ญี่ปุ่น เรียกร้องให้ BoJ ร่วมกับรัฐบาลในการผลักดันเงินเฟ้อให้ถึงเป้าหมาย: รมว.คลัง นาย Aso คาดหวังว่า BoJ จะคงนโยบายการเงินให้อัตราเงินเฟ้อขยับสู่เป้าหมาย 2.0% พร้อมปล่อยให้การกำหนดนโยบายการเงินเป็นหน้าที่ของ BoJ ส่วนรัฐบาลยังไม่ได้ตัดสินใจวงเงินของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่อยู่ระหว่างการพิจารณา คาดว่าการประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 2 ส.ค. จะมีการพิจารณาและตัดสินใจประเด็นนี้
          ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสิงคโปร์หดตัวสวนทางคาด: ลดลง 0.3% yoy สำหรับเดือน มิ.ย. จากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัว 0.8% yoy ขณะที่ Bloomberg Consensus คาดเพิ่มขึ้น 0.5% yoy ทั้งนี้ผลผลิตเวชภัณฑ์และปิโตรเคมีลดลง 15.3% yoy และ 14.6% yoy ตามลำดับ นอกจากนี้ผลผลิตยังเป็นการลดลง 2.5% mom

ไทย
                     ครม.อนุมัติรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม – แดงอ่อนแล้ว: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติการก่อสร้างโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงบางซื่อ-พญาไท-มักกะสัน-หัวหมาก และสายสีแดงเข้ม บางซื่อ-หัวลำโพง ของการรถไฟแห่งประเทศไทย มูลค่า 4.4 หมื่นล้านบาท โดยจะเปิดประกวดราคาประมาณปลายเดือนส.ค.59 และเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้เดือนก.พ.2560


         
 
โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 27 ก.ค. 2559
 

LastUpdate 27/07/2559 10:31:17 โดย : Admin

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 2:13 am