ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
หยิบเงินหยิบทอง - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง


 


ตลาดหุ้นไทยวานนี้
         
SET INDEX วานนี้ หุ้นหลักกลุ่มธนาคารฟื้นตัวเด่น และเป็นตัวแปรผลักดัน SET INDEX ขยับทดสอบด่าน 1,520 จุด ตามมาด้วยหุ้นขนาดกลางอื่นๆ อย่าง PTT/ BEM/ BJC เป็นต้น ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX บวก 9.18 จุด มาอยู่ที่ 1,524.58 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายมากถึง 66,885 ล้านบาท
 
ต่างชาติยังคงเลือกซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 14 มากถึง 4,195 ล้านบาท Long สุทธิใน SET50 Index Futures อีกครั้ง เพียง 111 สัญญา และกลับมาซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 7 วันทำการ 1,714 ล้านบาท

ปัจจัยสำคัญวันนี้
          ติดตามการประชุม BoJ อาจมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม 
          ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจเดือนมิ.ย.ของไทย รายงานโดยธปท.

ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
          ติดตามการประชุมกนง. วันที่ 3 ส.ค. เราคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ย RP1 วันที่ 1.50%
          ติดตามการประชุม BoE วันที่ 4 ส.ค. ตลาดคาดลดอัตราดอกเบี้ยจาก 0.50% เป็น 0.25% 
          รายงานผลการดำเนินงานของ ADVANC / GPSC
          การลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญวันทึ่ 7 ส.ค.

มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 7)
         
หลัง SET INDEX ปิดยืนเหนือ 1,520 จุด ผลักดันโดยกลุ่มธนาคารตามที่ประเมินไว้ เราประเมินว่า upside gain ของ SET INDEX เริ่มจำกัดอีกครั้ง ด่าน 1,530-1,535 จุดยังไม่น่าผ่านในวันนี้ เว้นเสียจากว่า BoJ เพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม และเป็นการเสริมไปกับนโยบายการคลังที่นายกฯ Abe ประกาศไปก่อนหน้านี้ ย่อมทำให้สภาพคล่องทางการเงินล้นขึ้นไปอีก เม็ดเงินจะไหลเข้าตลาดหุ้นในเอเชียเกิดใหม่ รวมถึงตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง
         
อย่างไรก็ตาม ทิศทาง SET INDEX จะกลับมาแกว่ง Sideways มากขึ้นในสัปดาห์หน้า ยิ่งเข้าใกล้ปลายสัปดาห์หน้า เชื่อว่าจะมีแรงขายทำกำไร เพื่อปิดความเสี่ยงกรณีการลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 7 ส.ค. ซึ่งจะมีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงความต่อเนื่องของแผนเศรษฐกิจในระยะกลางถึงยาวของประเทศไทยเช่นกัน 
         
สำหรับปัจจัยสำคัญในสัปดาห์หน้า เราให้น้ำหนักกับการประชุม BoE วันที่ 3 ส.ค. ตลาดให้น้ำหนักว่า BoE จะเพิ่มวงเงิน QE จากปัจจุบัน GBP3.57 แสนล้าน และอาจรวมถึงการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงสู่ 0.25% จากปัจจุบัน 0.50% ได้เช่นกัน
         
กลยุทธ์การลงทุน “กลับมาขายทำกำไร 1 ใน 3 ของพอร์ตการลงทุน” เพื่อรอจังหวะเข้าซื้อเมื่อตลาดย่อตัวในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า 

Strategy of the Day          
          1.          สะสม BJC : ราคาปิด 44.00 บาท ราคาเหมาะสม 50.00 บาท
          a)          MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อ BJC และเชื่อว่าฐานทุนที่แข็งแกร่งหลังเสร็จสิ้นการเพิ่มทุนจะเป็นปัจจัยผลักดันการเติบโตในระยะยาว จากดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง และรวมงบของ BIGC เข้าสู่งบการเงินรวม รวมทั้ง Synergy ระหว่างกัน จากความครบวงจรของธุรกิจตั้งแต่ฐานการผลิต – จัดจำหน่าย – ค้าปลีก 
          b)          คาดกำไรสุทธิ 2Q59 จะเติบโตสูง ทั้ง yoy และ qoq จากแรงหนุนของกำไรพิเศษ เนื่องจากมีหนี้สินในสกุลเงินยูโรอยู่ราว 3.1 พันล้านยูโร ดังนั้น ค่าเงินยูโรเมื่อเทียบกับเงินบาทที่อ่อนค่าลง 1.00 บาท จะส่งผลให้บริษัทมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสูงถึง 3 พันล้านบาท 
          c)          มีโอกาสถูกเพิ่มเข้าสู่ดัชนี MSCI Thailand ซึ่งจะประกาศในวันที่ 11 ส.ค. เนื่องจากการเพิ่มทุนส่งผลให้ขนาด Market Cap เพิ่มขึ้นเป็น 1.4 แสนล้านบาท และ Valuation ยังถูกซื้อขาย PBV เพียง 1.7 เท่า เทียบกับกลุ่มค้าปลีกที่ราว 3 เท่า ดังนั้น หากอิง PBV ที่ 2.0 เท่าจะได้เป้าหมายที่ 50.00 บาท           
          2.          เก็งกำไร TMB : ราคาปิด 2.28 บาท ราคาเหมาะสม 2.50 บาท
          a)          MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร เนื่องจากได้อานิสงค์โดยตรงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจส่งผลให้การตั้งสำรองจะเริ่มลดลงใน 2H59 และยังเป็นหุ้นกลุ่มหลักที่รองรับกระแสเงินทุนจากต่างชาติ
          b)          ราคาหุ้นยัง Laggard โดย 1 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้น TMB เพิ่มขึ้นเพียง +2.7% เทียบกับ SET BANK +12.7% และ SET INDEX +7.1%
          c)          คาดกำไรสุทธิปี 2560 เติบโต +24% yoy เป็น 1.06 หมื่นล้านบาท และมี Downside Risk จำกัด เนื่องจากซื้อขายระดับ PBV2560 เพียง 1.1 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยย้อนหลังในอดีตที่ 1.4-1.5 BV

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets
ซื้อสุทธิ US$724 ล้าน ใกล้เคียงกับวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$722 ล้าน 
และซื้อสุทธิทุกตลาดเป็นวันที่ 4

Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติยังคงซื้อหุ้นไทยต่อเนื่องเป็นวันที่ 14 ยอด YTD ทะลุ 8 หมื่นล้านบาท
          นักลงทุนต่างชาติ คงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 14 มากถึง 4,195 ล้านบาท รวม 14 วันทำการซื้อสุทธิทะลุ 40,000 ล้านบาท เป็น 40,333 ล้านบาท และทำให้ YTD ต่างชาติซื้อสุทธิทะลุ 80,000 ล้านบาท เป็น 80,253 ล้านบาท
          ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Long สุทธิอีกครั้ง เพียง 111 สัญญา คาดว่านักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาเปิดสถานะ Long เพิ่มเติม ทำให้ QTD มีสถานะ Long ขยับขึ้นเล็กน้อยเป็น 5,040 สัญญา ขณะที่ S50U16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบลงเล็กน้อยเป็น 7.04 จุด จากวันก่อนหน้า Discount กว้างถึง 7.67 จุด  
          และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 7 วันทำการ เพียง 1,714 ล้านบาท จากตลอด 6 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 16,424 ล้านบาท ส่งผลให้ราคาพันธบัตรไทยเริ่มฟื้นตัวเล็กน้อย ผ่านพันธบัตรไทย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลง 2.17bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้นถึง 4.15bps ปิดที่ 2.117%

Short-Selling วานนี้ 
ขยับขึ้นเป็น 850 ล้านบาท จากวันก่อนน้า 633 ล้านบาท           

NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 16 เน้นกลุ่มธนาคารต่อเนื่อง 
          การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิมากถึง 5,410 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,626 ล้านบาท รวม 16 วันทำการ ซื้อสุทธิทะลุ 45,000 ล้านบาท เป็น 48,159 ล้านบาท ทั้งนี้ NVDR คงเน้นสะสมกลุ่มธนาคารกว่า 3.6 พันล้านบาทวานนี้

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา
          ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นลบ
          - ดุลการค้าเดือนมิ.ย. ขาดดุล US$6.33 หมื่นล้าน แย่กว่า Bloomberg consensus คาดขาดดุล US$6.11 หมื่นล้าน และเร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขาดดุล US$6.11 หมื่นล้าน แม้ว่าการส่งออกจะเพิ่มขึ้น 0.9% mom แต่การนำเข้ากลับเพิ่มขึ้นมากกว่า 1.2% mom 
          - ยอดขอสวัสดิการว่างงาน 2.66 แสนตำแหน่ง สูงกว่าที่ Bloomberg consensus คาด 2.64 แสนตำแหน่ง และสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.52 แสนตำแหน่ง
          - ยอดค้าส่ง เดือนมิ.ย. ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า ขณะที่เดือนพ.ค. เพิ่มขึ้นเพียง 0.1% mom ทั้งนี้ระดับสต็อกสินค้าค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.5% mom ในเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้นเท่ากับเดือนพ.ค. 

ยุโรป
          อัตราการว่างงานเยอรมันเดือนก.ค.ทรงตัว 6.1%: เป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่การรวมตัวอียู จำนวนผู้ออกจากงานลดลงเหลือ 7,000 ตำแหน่ง รวมเป็น 2.682 ล้านตำแหน่ง ณ สิ้นเดือนก.ค. ลดลงมากกว่าที่ Bloomberg consensus คาด 4,000 ตำแหน่ง 
          อัตราการว่างงานสเปนลดลงทำระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 6 ปี: อัตราการว่างงานลดลงเป็น 20% เฉลี่ย 3 เดือนสิ้นสุดเดือนมิ.ย. ลดลงจากค่าเฉลี่ย 1Q59 ที่ 21% และดีกว่าที่ Bloomberg consensus คาดที่ 20.3% ภาพรวมของคนที่ยังไม่มีงานทำลดลง 2.167 แสนตำแหน่ง เป็น 4.57 ล้านตำแหน่ง ขณะที่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 4.34 แสนตำแหน่ง ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา เป็นการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง 
          นายกฯ อังกฤษคาดการพิจารณามาตรา 50 ยังไม่น่าเกิดขึ้นภายในสิ้นปีนี้: เป็นข้อที่สมาชิกในอียูจะใช้พิจารณาการออกจากการเป็นสมาชิกในกลุ่มอียู ภายใต้สิทธิสัญญาแห่งกรุงลิสบอน ทั้งนี้ อังกฤษจะยังเป็นสมาชิกในกลุ่มอียู และจะเน้นให้น้ำหนักกับความปลอดภัยและการเป็นตลาดเดี่ยว แต่เมื่ออังกฤษออกจากการเป็นสมาชิกในกลุ่มอียู ก็ไม่ได้หมายความว่าอังกฤษจะถูกโดดเดี่ยวจากโลกนี้ ทั้งนี้นายกฯ ต้องการที่จะพิจารณารูปแบบการออก และแนวทางที่ตอบสนองกับผลของการลงประชามติของชาวอังกฤษ

จีน          
          ทางการจีนเตรียมออกมหลักเกณฑ์การควบคุมความเสี่งยในสถาบันการเงินเพิ่มเติม: หน่วยงานกำกับดูแลสถาบันการเงิน เตรียมผลักดันให้ธนาคารขนาดใหญ่ของจีนในการกำหนดสัดส่วนการตั้งสำรองสำหรับหนี้เสียขั้นต่ำเป็น 150% ซึ่งจะส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ต้องตั้งสำรองมากขึ้น รวมถึงการออกหลักเกณฑ์ที่เข้มงวดมากขึ้นในส่วนของผลิตภัณฑ์ของ Wealth-Management Products (WMP) เพราะมีบางธนาคารที่ปล่อยสินเชื่อมากขึ้น เพื่อให้ผู้กู้ที่มีความเสี่ยง พร้อมกำหนดฐานทุนขั้นต่ำที่มากขึ้น 

เอเชียแปซิฟิก
         
Shale Gas จากสหรัฐฯ เริ่มเข้ามาตีตลาดในเอเชียตะวันออก: บริษัท Cheniere Energy Inc เป็นผู้ส่งออกก๊าซเหลว (LNG) ได้เริ่มส่งออกมายังเอเชียตะวันออก โดยจ้าง Maran Gas Maritime Inc เป็นผู้ขนส่ง ทั้งนี้ EIA ประมาณการความต้องการก๊าซ LNG ในเอเชียจะมากถึง 550 LNG Tankers ต่อปี ขนส่งผ่านคลองปานามาภายในปี 2563 ซึ่งจะเป็นการลดต้นทุนการขนส่งและเวลา
         
นายกฯ ญี่ปุ่นคาดวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจชุดแรก 7 ล้านล้านเยน: จากวงเงินรวม 28 ล้านล้านเยน โดยเงินชุดแรกจะใช้ 7 ล้านล้านเยน จากวงเงินรวมนโยบายการคลังที่ 13 ล้านล้านเยน ส่วนที่เหลือจะเป็นส่วนของ Zaito Financing ที่จะใช้ในการลงทุนผ่านรัฐวิสาหกิจ และเมื่อพิจารณาจากวงเงิน 28 ล้านล้านเยน หักด้วยยอด 13 ล้านล้านเยน คงเหลือ 15 ล้านล้านเยน ยังไม่มีความชัดเจน ทั้งนี้ ครม.จะมีการพิจารณาแผนทั้งหมดในการประชุมสัปดาห์หน้า
         
ตัวเลขเศรษฐกิจญี่ปุ่นเป็นกลาง: 
          - อัตราเงินเฟ้อปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 อีก 0.4% yoy สำหรับเดือน มิ.ย. เท่ากับเดือนก่อนหน้าและเท่ากับที่ Bloomberg Consensus คาด ทั้งนี้หากไม่รวมอาหารสดเงินเฟ้อลดลง 0.5% yoy ด้าน Core CPI เพิ่มขึ้น 0.4% yoy 
          - ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน มิ.ย.หดตัว 1.9% yoy เร่งตัวจากเดือนก่อนที่ลดลง 0.4% yoy แต่ดีกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดหดตัว 2.9% yoy นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มขึ้น 1.9% mom 
          เศรษฐกิจไต้หวันฟื้นตัวครั้งแรกในรอบ 4 ไตรมาส: GDP ในไตรมาสที่ 2 ขยายตัว 0.69% yoy จากไตรมาสก่อนที่หดตัว 0.68% yoy และใกล้เคียงกับที่ Bloomberg Consensus คาด อย่างไรก็ตามยังคงต่ำกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางที่คาดเติบโต 1.06% yoy ในปี 2559

ไทย
          สศค.คาดเศรษฐกิจปีนี้โต 3.3%: สศค.ยังเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ตามคาดการณ์ที่ 3.3% เนื่องจากการใช้จ่าย การลงทุนของภาครัฐยังขยายตัวในเกณฑ์สูง โดยเฉพาะการเบิกจ่ายภายใต้โครงการบริหารจัดการน้ำ และโครงการระบบขนส่งทางถนน ขณะที่โครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานระยะเร่งด่วนของกระทรวงคมนาคมก็ยังเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ สศค.เปิดเผยว่าเศรษฐกิจ 2Q59  ขยายตัวได้ในระดับ 3.3% มีสัญญาณดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า โดยเฉพาะการใช้จ่ายภายในประเทศ ที่ได้รับปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากมาตรการภาครัฐและการใช้จ่ายของรัฐบาลที่เร่งขึ้น แม้ว่าอุปสงค์จากต่างประเทศผ่านการส่งออกสินค้าจะหดตัว -4.1% เนื่องจากการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลกยังเป็นไปอย่างเปราะบาง และมีความไม่แน่นอนสูง ขณะที่ในเดือน มิ.ย.การส่งออกขยายตัว -0.1%


         
 
โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 29 ก.ค. 2559

 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 29 ก.ค. 2559 เวลา : 10:33:09

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 2:51 am