รัฐบาลเปิดเวทีแสดงความเห็นร่าง รธน.ทั่วประเทศ 29 ก.ค.-4 ส.ค.นี้ กำชับจังหวัดเชิญชวนประชาชนเข้าร่วม เน้นกระจายพื้นที่และอาชีพ ย้ำจริงใจไม่เคยปิดกั้น วอนทุกฝ่ายร่วมมือรักษากติกา ไม่บิดเบือน ใส่ร้ายป้ายสี
วันนี้(30ก.ค.59) พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเปิดเวทีให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญอย่างกว้างขวางทั่วประเทศ ระหว่าง 29 ก.ค.-4 ส.ค.59 โดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อยากให้ประชาชนเกิดความตื่นตัว และมีโอกาสรับรู้เนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญอย่างถูกต้อง
ทั้งนี้ แต่ละจังหวัดจะเชิญชวนประชาชนให้เข้าร่วมกิจกรรม ณ สถานที่ที่จังหวัดกำหนด เน้นกลุ่มเป้าหมายหลากหลายพื้นที่และกลุ่มอาชีพ เช่น กลุ่มอาชีพอิสระ กลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐ กลุ่มอาสาสมัคร กลุ่มผู้นำชุมชน และกลุ่มผู้สูงอายุ นักเรียนนักศึกษา ฯลฯ
“รัฐบาลไม่เคยปิดกั้นการแสดงความเห็น และต้องการสนับสนุนให้มีการถกเถียงในสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญอย่างกว้างขวาง แต่ขอความร่วมมือทุกฝ่ายยึดมั่นในกฎกติกา ไม่บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือพูดหยาบคาย ใส่ร้ายป้ายสี อย่างไรก็ตาม เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและดูแลความปลอดภัยให้แก่ผู้ร่วมกิจกรรม ได้มอบหมายให้ศูนย์รักษาความสงบฯ จังหวัด ประสานกองกำลังทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง เพื่อร่วมกันปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง”
พลตรี สรรเสริญ กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 29 ก.ค.มีการจัดเวทีแสดงความคิดเห็นที่ จ.ชุมพร และสมุทรปราการ วันที่ 30 ก.ค.จ.นครนายก วันที่ 31 ก.ค. จ.หนองบัวลำภู วันที่ 1 ส.ค.จ. กำแพงเพชร ฉะเชิงเทรา ร้อยเอ็ด ระยอง เลย ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ อุดรธานี อุบลราชธานี ส่วนในวันที่ 2 ส.ค.จะมีการจัดเวทีใน 31 จังหวัด วันที่ 3 ส.ค. 24 จังหวัด วันที่ 4 ส.ค.6 จังหวัด และอีก 2 จังหวัดที่เหลือคือ จ.น่านและสตูล อยู่ระหว่างดำเนินการ
สำหรับหลักในการปฏิบัตินั้น แต่ละจังหวัดจะทำงานร่วมกับ กกต.จังหวัด เชิญวิทยากรให้ความเห็นในประเด็นต่าง ๆ ซึ่งจะอยู่บนพื้นฐานของหลักวิชาการ ไม่สร้างความขัดแย้ง หรือนำไปขยายผลเป็นประโยชน์ของฝ่ายใด หากมีผู้ต่อต้านในระหว่างการจัดเวทีให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการด้วยความระมัดระวัง ไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน และหากสถานการณ์มีแนวโน้มที่ไม่อาจควบคุมได้ให้สั่งยุติการจัดเวที
“ขณะนี้พี่น้องประชาชนมีความตื่นตัวเรื่องการออกเสียงประชามติมากขึ้น ซึ่งจากการลงพื้นที่ของครู ค พบว่า ชาวบ้านสนใจซักถามเกี่ยวกับสิทธิที่จะได้รับจากภาครัฐมากเป็นพิเศษ โดยรัฐบาลยืนยันว่าสิ่งใดที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนจะไม่มีการยกเลิก และจะสร้างมาตรฐานในเรื่องเหล่านั้นให้มีความสมบูรณ์ เป็นธรรม และเข้าถึงประชาชนให้มากกว่าที่เป็นอยู่”
ข่าวเด่น