ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วันศุกร์ ยังมีความพยายามไต่ระดับขึ้นทดสอบด่าน 1,530 จุด แต่ยังไม่ผ่าน เกิดแรงขายทำกำไรกลุ่มพลังงาน/ อสังหาฯ อีกทั้ง BoJ ไม่เพิ่มมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX ลบเพียง 0.51 จุด มาอยู่ที่ 1,524.07 จุด มูลค่าการซื้อขาย 64,861 ล้านบาท
ต่างชาติยังคงเลือกซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 15 อีก 628 ล้านบาท แต่ Short สุทธิใน SET50 Index Futures มากถึง 4,107 สัญญา และซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 2 อีก 4,251 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
- ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนมิ.ย.ของไทย ชะลอตัว mom เล็กน้อยจากกำลังซื้อภายในประเทศ และการท่องเที่ยว จากผลของฤดูกาล
- GDP ใน 2Q59 ของสหรัฐฯ 1.2% qoq ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 2.5% qoq
- ประเด็นการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญวันที่ 7 ส.ค. มีความเข้มข้นมากขึ้น
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 8)
เราประเมิน SET INDEX วันนี้จะเริ่มแกว่งแคบมากขึ้น ระหว่าง 1,515-1,530 จุด กระแสเงินทุนต่างชาติเริ่มชะลอตัว การประชุม BoJ ไม่เพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้นักลงทุนทั่วโลกต่างรอดูท่าทีของ BoE วันที่ 4 ส.ค. ว่าจะเพิ่มมาตรการหรือไม่ หลังจากเลื่อนการพิจารณาไปในการประชุมครั้งก่อน
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนมิ.ย. ของไทย โดยรวมชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้า เพราะเป็นผลของฤดูกาล ส่งผลต่อภาคการท่องเที่ยว ส่วนกำลังซื้อภายในประเทศที่ชะลอตัวจากกรณีเปิดเทอมของโรงเรียน ทำให้การใช้จ่ายชะลอตัว อย่างไรก็ตาม ธปท. เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยใน 2Q59 จะขยายตัวดีกว่า 1Q59 ที่เติบโต 3.2% yoy น่าจะเป็นสัญญาณที่ดีต่อปัจจัยพื้นฐานตลาดหุ้นไทย
SET INDEX เพิ่มขึ้น 0.99% wow โดยกลุ่มหลักที่ Outperform 3 ลำดับแรกได้แก่ ธนาคาร +4.92%, ท่องเที่ยว +2.38% และกลุ่มค้าปลีก +2.28% ส่วนกลุ่มหลักที่ Underperform 3 ลำดับแรกได้แก่ โรงพยาบาล -2.30%, กลุ่มพลังงาน -1.70% และกลุ่มปิโตรเคมี -1.51% เราให้น้ำหนักกับกลุ่ม โรงพยาบาล มีแนวโน้มจะฟื้นตัวเด่นในสัปดาห์นี้ นอกเหนือจากการเก็งกำไรหุ้นรายตัวต่อผลการดำเนินงานใน 2Q59
กลยุทธ์การลงทุน “เลือกสะสมหุ้นรายตัวแบบจำกัดวงเงิน” เพราะภาพรวมของ SET INDEX สัปดาห์นี้จะแกว่งในกรอบแคบ เพื่อรอดูผลการลงประชามติในวันที่ 7 ส.ค. นี้
Strategy of the Day
1. เก็งกำไร CK : ราคาปิด 33.75 บาท ราคาเหมาะสม 38.00 บาท
a) MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เนื่องจากมีงานประมูลขนาดใหญ่รออยู่เป็นจำนวนมากในช่วงที่เหลือของปี ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีส้ม-ชมพู-เหลือง และรถไฟฟ้ารางคู่ 2 เส้นทาง จะเป็นปัจจัยหนุน Sentiment การลงทุนหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
b) คาดกำไรสุทธิ 2Q59 ที่ 1,050 ล้านบาท เติบโตโดดเด่นถึง +245% qoq จากการรับรู้รายได้งานส่วนเพิ่มโครงการไซยะบุรี
c) Backlog ในมือสูงถึง 1.2 แสนล้านบาท และมีโอกาสได้งานเพิ่มเติมอีกจำนวนมากจาก Mega Project ภาครัฐฯ และงานขนาดใหญ่จากบริษัทลูก อิงราคาปิดวันศุกร์ มูลค่าเงินลงทุนในบริษัทลูกคือ BEM, CKP, TTW คิดเป็นมูลค่าต่อหุ้น 31.33 บาท และผลจาการปรับเป้าหมาย BEM ขึ้นจาก 6.50 เป็น 8.10 บาท ส่งผลให้เป้าหมายของ CK เพิ่มขึ้นเป็น 38.00 บาท
2. เก็งกำไร SCB : ราคาปิด 158.50 บาท ราคาเหมาะสม 169.00 บาท
a) MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร เนื่องจากได้อานิสงค์โดยตรงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจใน 2H59 และยังเป็นหุ้นกลุ่มหลักที่รองรับกระแสเงินทุนจากต่างชาติ
b) คาดการตั้งสำรองจะลดลงใน 2H59 เนื่องจาก Coverage Ratio สิ้น 2Q59 เพิ่มขึ้นเป็น 130% จึงเชื่อว่า SCB ไม่จำเป็นต้องตั้งสำรองพิเศษในสัดส่วนสูงอีกต่อไป
c) มีโอกาสบันทึกกำไรพิเศษหากมีการขายเงินลงทุนใน SCB LIFE ให้กับพันธมิตรต่างชาติและเป็น Upside Risk ที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการ โดยคาดว่ากำไรสุทธิปี 2559 จะเติบโต +5.9% yoy เป็น 4.9 หมื่นล้านบาท และ +14.5% yoy เป็น 5.7 หมื่นล้านบาท ในปี 2560
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ซื้อสุทธิชะลอตัวลงเหลือ US$316 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$724 ล้าน
และซื้อสุทธิเป็นบางตลาดเท่านั้น
Foreign Investors Action วานนี้
กระแสเงินทุนต่างชาติเริ่มชะลอตัว
นักลงทุนต่างชาติ คงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 15 ลดลงเหลือ 628 ล้านบาท รวม 15 วันทำการซื้อสุทธิทะลุ 40,000 ล้านบาท เป็น 40,961 ล้านบาท และทำให้ YTD ต่างชาติซื้อสุทธิทะลุ 80,000 ล้านบาท เป็น 80,880 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Short สุทธิอีกครั้ง มากถึง 4,107 สัญญา คาดว่านักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาปิดสถานะ Long อีกครั้ง กดให้ QTD มีสถานะ Long ลดลงเหลือเพียง 933 สัญญา ขณะที่ S50U16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบลงเป็นวันที่ 2 เหลือเพียง 5.74 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 7.04 จุด
และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้คงการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 เร่งขึ้นเป็น 4,251 ล้านบาท รวม 2 วันทำการขายสุทธิ 5,965 ล้านบาท ส่งผลให้ราคาพันธบัตรไทยฟื้นตัวเป็นวันที่ 2 ผ่านพันธบัตรไทย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลงเพียง 0.53bps จากวันก่อนหน้าลดลง 2.17bps ปิดที่ 2.112%
Short-Selling วานนี้
ลดลงเหลือ 573 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 850 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 17 คงเน้นสะสมกลุ่มธนาคารต่อเนื่อง
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิลดลงเหลือ 2,901 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิมากถึง 5,410 ล้านบาท รวม 17 วันทำการ ซื้อสุทธิทะลุ 50,000 ล้านบาท เป็น 51,060 ล้านบาท ทั้งนี้ NVDR คงเน้นสะสมกลุ่มธนาคารกว่าครึ่ง
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นลบ
GDP ใน 2Q59 รอบสุดท้ายเพิ่มขึ้น 1.2% qoq แย่กว่า Bloomberg consensus คาด +2.6% qoq และไตรมาสก่อนหน้าที่ 0.8% qoq แม้ว่าการใช้จ่ายภาคครัวเรือนจะเพิ่มขึ้นถึง 4.2% qoq มากกว่า 1Q59 ที่เติบโตเพียง 1.6% qoq ก็ตาม แต่ปัจจัยสำคัญอยู่ที่ระดับสต็อกที่ลดลงและกระทบต่อ GDP มากถึง 1.2% qoq
ดัชนี Consumer Sentiment เดือนก.ค. เท่ากับ 90.0 จุด ใกล้เคียงกับที่ Bloomberg consensus คาด 90.6 จุด แต่ดีกว่าเดือนก่อนหน้าเล็กน้อยที่ 89.5 จุด
ยุโรป
อัตราการว่างงานเยอรมันเดือนก.ค.ทรงตัว 6.1%: เป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่การรวมตัวอียู จำนวนผู้ออกจากงานลดลงเหลือ 7,000 ตำแหน่ง รวมเป็น 2.682 ล้านตำแหน่ง ณ สิ้นเดือนก.ค. ลดลงมากกว่าที่ Bloomberg consensus คาด 4,000 ตำแหน่ง
ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ของอิตาลีเตรียมเพิ่มทุน: ธนาคาร Banca Monte Dei Paschi di Siena SpA เป็น 1 ใน 51 ธนาคารพาณิชย์ที่ทำการทดสอบ Stress Test ของ EU แล้วไม่ผ่านที่ระดับ 4.5 ธนาคารได้ประกาศเพิ่มทุนด้วยการขายหุ้น 5.0 พันล้านยูโร หากสามารถลด NPLs ออกจากงบดุลได้
จีน
ทางการจีนเตรียมออกมหลักเกณฑ์การควบคุมความเสี่ยงในสถาบันการเงินเพิ่มเติม: หน่วยงานกำกับดูแลสถาบันการเงิน เตรียมผลักดันให้ธนาคารขนาดใหญ่ของจีนในการกำหนดสัดส่วนการตั้งสำรองสำหรับหนี้เสียขั้นต่ำเป็น 150% ซึ่งจะส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ต้องตั้งสำรองมากขึ้น รวมถึงการออกหลักเกณฑ์ที่เข้มงวดมากขึ้นในส่วนของผลิตภัณฑ์ของ Wealth-Management Products (WMP) เพราะมีบางธนาคารที่ปล่อยสินเชื่อมากขึ้น เพื่อให้ผู้กู้ที่มีความเสี่ยง พร้อมกำหนดฐานทุนขั้นต่ำที่มากขึ้น
เอเชียแปซิฟิก
BoJ คงนโยบายการเงิน ส่งสัญญาณเพิ่มมาตรการประชุมนัดถัดไป: คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ -0.10% และวงเงินการเพิ่มฐานเงินที่ 80 ล้านล้านเยน/ปี ทั้งนี้ได้ขยับวงเงินการเข้าซื้อ ETF เป็น 6 ล้านล้านเยน/ปี ทั้งนี้ ประธาน BoJ ได้ให้มีการติดตามผลจากนโยบายการเงินที่ BoJ ออกใช้ เพื่อนำมาพิจารณาในการประชุมนัดถัดไปในเดือนก.ย. อย่างไรก็ตาม BoJ ได้เพิ่มวงเงินการปล่อยกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็น US$2.4 หมื่นล้าน จากเดิม US$1.2 หมื่นล้าน
ไทย
ธปท.คาดเศรษฐกิจไทย 2Q59 โตดีกว่า 1Q59: ธปท. เปิดเผยว่า ตัวเลขเศรษฐกิจของเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ชะลอตัวลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลจากกำลังซื้อของครัวเรือนทั้งในและนอกภาคเกษตรกรที่ยังไม่เข้มแข็งนัก รวมถึงการส่งออกสินค้าไม่รวมทองคำยังคงซบเซาต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามยังมีแรงส่งจากภาคการใช้จ่ายของภาครัฐที่ทำได้ดีต่อเนื่อง และภาคการท่องเที่ยวที่ยังขยายตัวได้ดี แม้ว่าเดือน มิ.ย.นี้จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติหลังปรับฤดูกาลแล้วปรับลดลงบ้าง สำหรับภาพรวมของเศรษฐกิจไทยใน2Q59 ธปท.ยืนยันว่า ยังสามารถขยายตัวได้ดีกว่าไตรมาสแรกที่ผ่านมาที่อยู่ที่ 3.2% โดยมีปัจจัยมาจากแรงส่งของการใช้จ่ายภาครัฐและการท่องเที่ยว ส่วนการบริโภคภาคเอกชนได้ปรับตัวดีขึ้น ตามกำลังซื้อของครัวเรือนภาคเกษตรที่รายได้เริ่มกลับมาดีขึ้น ส่วนด้านการส่งออกไม่รวมทองคำยังคงหดตัว อย่างไรก็ตาม ด้านดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยยังเกินดุลจากรายได้ภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง และมูลค่านำเข้าสินค้าอยู่ระดับต่ำ
โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 1 ส.ค. 2559
ข่าวเด่น