วันนี้ (3 สิงหาคม 2559) ที่โรงแรมริชมอนด์ จังหวัดนนทบุรี นายแพทย์อำนวย กาจีนะ อธิบดีกรมควบคุมโรค เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการยกระดับการพัฒนาสมรรถนะช่องทางเข้าออกประเทศ ยุคที่ 5 ของระบบควบคุมโรค เพื่อเป็นการพัฒนาสมรรถนะหลักช่องทางเข้าออกประเทศ ให้มีความพร้อมในการปฎิบัติงานเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ และภัยสุขภาพทั้งในภาวะปกติและภาวะฉุกเฉิน ให้ประเทศไทยบรรลุความเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในบริบทของประชาคมอาเซียน และมีความมั่นคงด้านสุขภาพ ต่อไป
นายแพทย์อำนวย กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีช่องทางเข้าออกประเทศ (ที่มีด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ) จำนวน 68 แห่ง สังกัดกรมควบคุมโรค 61 แห่ง และสังกัดสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด 7 แห่ง โดยแบ่งเป็น ท่าอากาศยาน 17 แห่ง ท่าเรือ 18 แห่ง พรมแดน 33 แห่ง และฐานทัพเรือที่ถูกกำหนดให้พัฒนาสมรรถนะช่องทางเข้าออกประเทศ ซึ่งต้องปฏิบัติงานตามข้อกำหนดกฎอนามัยระหว่างประเทศ พ.ศ.2548 และพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558
ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค มีบทบาทในการจัดระบบสนับสนุนการพัฒนาสมรรถนะช่องทางเข้าออกประเทศให้มีศักยภาพในการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรค ตามมาตรฐานของพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 กฎอนามัยระหว่างประเทศ พ.ศ.2548 (IHR, 2005) ซึ่งจากการดำเนินงานที่ผ่านมานั้นได้รับความร่วมมืออย่างดีเยี่ยมจากหน่วยงานเครือข่ายทุกภาคส่วน ทั้งการดำเนินมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน ตรวจจับความผิดปกติในช่องทางเข้าออกประเทศ เพื่อการยกระดับการพัฒนาสมรรถนะช่องทางเข้าออกประเทศ ก้าวสู่ยุคที่ 5 ของระบบควบคุมโรค (กรมควบคุมโรค: ก้าวสู่สากล) ซึ่งมุ้งเน้นระบบการป้องกันควบคุมโรคในเชิงรุก ภายใต้การบูรณาการการดำเนินงานร่วมกันของภาคีเครือข่ายอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อนำประเทศไทยให้บรรลุความเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในบริบทของประชาคมอาเซียน และมีความมั่นคงด้านสุขภาพต่อไปอย่างยั่งยืน
นายแพทย์อำนวย กล่าวต่อไปว่า สำหรับแนวทางการพัฒนาด่านควบคุมโรคฯ และช่องทางเข้าออกประเทศให้ได้มาตรฐานสากล ประกอบด้วย 3 ส่วน ดังนี้ 1.การยกระดับการบริหารจัดการ ได้แก่ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และการพัฒนาบุคลากร 2.ยกระดับการบูรณาการทำงานเชิงรุก ทั้งการพัฒนาเครือข่ายภายใน และการสร้างเครือข่ายภายนอกประเทศ และ 3.ใช้กลไกของกฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การสื่อสารภายในองค์กร บุคลากร และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น เป็นต้น
นอกจากนี้ กรมควบคุมโรค ได้ประกาศกำหนดให้วันที่ 3 สิงหาคม ของทุกปี เป็น “วันด่านควบคุมโรค” โดยด่านควบคุมโรค จัดตั้งขึ้นและทำงานมาแล้ว 119 ปี (เริ่มมีการควบคุมโรคจากต่างประเทศครั้งแรกเมื่อปี 2441) ซึ่งเป็นหน่วยงานเก่าแก่ของกรมควบคุมโรค และมีพัฒนาและเปลี่ยนแปลงมาอย่างยาวนาน การกำหนดวันด่านควบคุมโรค จึงเป็นการประกาศถึงความพร้อมทั้งด้านกำลังคน สมรรถนะทางวิชาการ และการปฏิบ้ติการที่เป็นทีมน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ตามอุดมการณ์ของชาวด่าน ที่ว่า “พัฒนางานให้ก้าวไกล เพื่อด่านไทยสู่สากล” ที่สำคัญในวันดังกล่าวยังถือเป็นวันรวมใจและเป็นเสมือนกำลังใจในการทำงานของชาวด่านทั่วประเทศ
สำหรับการประชุมในวันนี้ ประกอบด้วย ผู้บริหารกรมควบคุมโรค, คณะอนุกรรมการพัฒนาช่องทางเข้าออกประเทศ, คณะทำงานติดตามและสนับสนุนการพัฒนาสมรรถนะช่องทางเข้าออกประเทศ, นายแพทย์สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด, ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 – 12 สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) และเครือข่ายพัฒนาช่องทางเข้าออกประเทศจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งส่วนกลางและภูมิภาค รวมกว่า 200 คน ซึ่งภายในงานมีพิธีมอบโล่รางวัลเกียรติยศแก่หน่วยงานดีเด่น ดังนี้
1. รางวัลเกียรติยศ “การฝึกซ้อมแผนตอบโต้ภาวะฉุนเฉิทางสาธารณสุขดีเด่น ปี 2559 ได้แก่ ช่องทางเข้าออกประเทศ ท่าเรือกรุงเทพ
2.รางวัลเกียรติยศ “การพัฒนาช่องทางเข้าออกประเทศผ่านมาตรฐานสากล ระดับประเทศ” ได้แก่ ช่องทางเข้าออกประเทศ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
3.รางวัลเกียรติยศ “ผู้มีผลงานดีเด่น ด้านการพัฒนาสิ่งแวดล้อมปลอดภัย ภายในช่องทางเข้าออกประเทศ” ได้แก่ นายไพฑูรย์ วงษ์สกุล ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ พรมแดนสะเดา
และ 4.รางวัลเกียรติยศ “ผู้มีผลงานดีเด่น ด้านการประสานงานเครือข่ายช่องทางเข้าออกประเทศ” ได้แก่ นายอดิศักดิ์ เทียนฤทธิเดช ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ท่าเรือมาบตาพุด หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422
ข่าวเด่น