บมจ.ปูนซีเมนต์นครหลวง (SCCC) แจ้งว่าตามที่ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) ในการประชุมครั้งที่ 141 และการประชุมครั้งที่ 143 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2559 และวันที่ 3 สิงหาคม 2559ตามลำดับได้มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ ดำเนินการเข้าซื้อส่วนของทุนในสัดส่วนร้อยละ 65ของทุนที่ชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท โฮลซิม (เวียดนาม) ลิมิเต็ด (HVL) จาก ลาฟาร์จโฮลซิม ลิมิเต็ด(LafargeHolcim Limited) นั้น บริษัทฯได้เข้าลงนามในสัญญาซื้อขายส่วนของทุนใน HVL ฉบับลงวันที่ 4 สิงหาคม 2559 กับผู้ขายโดยภายใต้สัญญาซื้อขาย บริษัทฯ ตกลงเข้าซื้อส่วนของทุนในสัดส่วนร้อยละ 65 ของทุนที่ชำระแล้วทั้งหมดของHVL จากผู้ขาย
ความเสร็จสมบูรณ์ของการเข้าทำรายการขึ้นอยู่กับการได้รับมติอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ความเห็นชอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของประเทศเวียดนาม และการสละสิทธิของเวียดนาม ซีเมนต์ อินดัสทรีคอร์ปอเรชั่น (Vietnam Cement Industry Corporation)("JV Partner") ในการเลือกที่จะเข้าซื้อส่วนของทุนในสัดส่วนร้อยละ 65 ของทุนที่ชำระแล้วทั้งหมดของ HVL นี้ก่อน (right of first refusal)ตามสัญญาร่วมทุนระหว่าง JV Partner และผู้ขาย ทั้งนี้ บริษัทฯคาดว่าการเข้าทำรายการจะเสร็จสมบูรณ์ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2559
บริษัทได้เข้าลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นร้อยละ 65 ในบริษัท โฮลซิม (เวียดนาม) ลิมิเต็ด (HVL) จากลาฟาร์จโฮลซิม ลิมิเต็ด ในวงเงินรวม 1.87 หมื่นล้านบาท หรือประมาณ 479 ล้านยูโร หรือราว 524 ล้านเหรียญสหรัฐ โดย HVL ดำเนินกิจการโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ครบวงจรในเวียดนาม ซึ่งจะทำให้กระจายช่องทางการหารายได้จากตลาดที่มีอัตราเติบโตมากกว่า รวมถึงยังเป็นการสร้างประโยชน์ด้านการประสานธุรกิจ (Synergy) หลายอย่างให้บริษัท โดยคาดว่าการดำเนินการจะแล้วเสร็จในไตรมาส 4/59
HVL เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในโฮจิมินห์ ซิตี้ ประเทศเวียดนาม ดำเนินกิจการโรงงานผลิตปูนซีเมนต์แบบครบวงจร 1 โรงงาน และโรงงานโม่ปูนซีเมนต์ 4 โรงงาน มีกำลังการผลิต 6.3 ล้านตัน/ปี และ HVL ยังเป็นผู้ผลิตคอนกรีตผสมเสร็จรายใหญ่ โดยมีโรงงานผลิต 7 โรงงาน อยู่ทางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม
มูลค่าการซื้อขายดังกล่าวที่ราว 1.87 หมื่นล้านบาทนั้น แหล่งเงินทุนที่จะใช้ คือ วงเงินตามสัญญาให้การสนับสนุนทางการเงินจากธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ จำกัด โดยมีระยะเวลา 12 เดือน
SCCC ระบุ ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการเข้าลงทุนครั้งนี้ คือการที่ HVL จะเป็นช่องทางการจำหน่ายเพิ่มเติมอีกช่องทางหนึ่งของบริษัท และช่วยลดการพึ่งพาตลาดส่งออกทั่วไปของบริษัท และจะทำให้บริษัทสามารถกระจายช่องทางการหารายได้จากตลาดที่มีอัตราเติบโตมากกว่าได้ นอกจากนี้ยังจะสร้างประโยชน์ด้านการประสานธุรกิจหลายอย่างให้แก่บริษัท เช่น การเข้าจัดซื้อวัตถุดิบแบบรวมกลุ่ม การใช้ประโยชน์จากระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ การแบ่งปันข้อมูลทางด้านเทคนิค และอื่น ๆ เป็นต้น
การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้แสดงถึงโอกาสในการเพิ่มขึ้นของผลตอบแทนโดยรวมของผู้ถือหุ้น และมูลค่าตามราคาตลาด (Market Capitalization) ของบริษัท คาดว่าจะเติบโตเร็วขึ้นจากการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้
ข่าวเด่น