ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
หยิบเงินหยิบทอง - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง


 


ตลาดหุ้นไทยวานนี้
         
SET INDEX วานนี้ฟื้นตัวเด่นจากแรงผลักดัน PTT เป็นสำคัญ ขณะที่หุ้นหลักกลุ่ม Domestic Play ยังคงเผชิญกับแรงขายทำกำไรต่อเนื่อง แม้ว่าบรรยากาศการลงทุนรอบเอเชียและยุโรป เป็นบวก ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX บวกเพียง 0.46 จุด มาอยู่ที่ 1,507.93 จุด มูลค่าการซื้อขาย 46,437 ล้านบาท
 
ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทย 1,009 ล้านบาท Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 อีก 4,743 สัญญา แต่คงการขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 2 เร่งขึ้นเป็น 7,771 ล้านบาท  

ปัจจัยสำคัญวันนี้
          ผลการประชุม BoE ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็น 0.25% และเพิ่มวงเงิน QE และเงินกู้พิเศษ อีก 1.70 แสนล้านปอร์น 
          ADVANC ประกาศปันผลงวด 1H59 เท่ากับ 5.79 บาท XD วันที่ 15 ส.ค.  

ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า 
          ผลการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญวันที่ 7 ส.ค.
          การขึ้น XD ของหุ้น SCC วันที่ 8 ส.ค. มูลค่า 8.50 บาท
          การประกาศดัชนี MSCI รอบไตรมาส เช้าวันที่ 12 ส.ค.
          เงินทุนต่างชาติที่ยังคงไหลเข้าตลาดเอเชียเกิดใหม่
          วันหยุดยาวตลาดหุ้นไทยปลายสัปดาห์หน้า

มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 12)
          เราคาดว่า SET INDEX จะฟื้นตัวขึ้นทดสอบด่าน 1,520 จุด +/- ผลักดันด้วยกลุ่มธนาคาร / อสังหาฯ หลังพักฐานมาตลอด 2-3 วันทำการก่อนหน้า ด้วยปัจจัยหนุนดังต่อไปนี้ 
          - การเก็งกำไรต่อผลการลงประชามติฯ ในวันที่ 7 ส.ค.นี้ 
          - และเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้า หลัง BoE สร้าง Positive surprise ด้วยการเพิ่มวงเงิน QE อีก 7.0 หมื่นล้านปอร์น และเงินกู้พิเศษอีก 1.0 แสนล้านปอร์น นอกเหนือจากการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
          อย่างที่เขียนไปแล้ววานนี้ ถึงกรณีผลการลงประชามติฯ หาก “รับ” ร่างฯ คาดว่า SET INDEX จะดีดตัวทดสอบ 1,550 จุด +/- แต่หาก “ไม่รับ” ร่างฯ คาดว่า SET INDEX จะย่อตัวลงไม่มาก แนวรับ 1,470-1,480 จุดในช่วงเปิดตลาดวันจันทร์ที่ 8 ส.ค. และจะฟื้นตัวในที่สุด เพราะเม็ดเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าตลาดเอเชียเกิดใหม่ รวมถึงตลาดหุ้นไทย เป็นตัวปิด downside risk ของตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ จากมาตรการของ BoE ยิ่งเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้กับระบบการเงินทั่วโลก ขณะที่ช่องทางการลงทุนมีจำกัด
          สำหรับปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า เราให้น้ำหนักกับการประกาศผลปรับดัชนี MSCI Thailand รอบไตรมาส ซึ่งเราคาดว่า BJC จะได้รับเลือกในรอบนี้ 
          กลยุทธ์การลงทุน “เลือกลงทุนหุ้นหลักรายตัว” เน้นกลุ่ม Domestic Play ประเมินกรอบแกว่ง 1,500 – 1,520 จุด 

Strategy of the Day          
          1. สะสม SCB : ราคาปิด 154.50 บาท ราคาเหมาะสม 169.00 บาท
          a) MBKET เชื่อว่าหากผลการทำประชามติในสุดสัปดาห์นี้มีมติโหวต   ”รับ” จะเป็นบวกโดยตรงต่อหุ้นกลุ่มธนาคารในสัปดาห์หน้าจากแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติและกองทุนในประเทศ และในทางกลับกันหากออกในทางตรงข้าม เชื่อว่าตลาดจะตอบรับเชิงลบเพียงระยะสั้น และเป็นโอกาสในการสะสมหุ้นเพิ่ม
          b) คาดการตั้งสำรองจะลดลงใน 2H59 เนื่องจาก Coverage Ratio สิ้น 2Q59 เพิ่มขึ้นเป็น 130% จึงเชื่อว่า SCB ไม่จำเป็นต้องตั้งสำรองพิเศษในสัดส่วนสูงอีกต่อไป 
          c) มีโอกาสบันทึกกำไรพิเศษหากมีการขายเงินลงทุนใน SCB LIFE ให้กับพันธมิตรต่างชาติและเป็น Upside Risk ที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการ โดยคาดว่ากำไรสุทธิปี 2559 จะเติบโต +5.9% yoy เป็น 4.9 หมื่นล้านบาท และ +14.5% yoy เป็น 5.7 หมื่นล้านบาท ในปี 2560          
          2. เก็งกำไร CPALL : ราคาปิด 52.00 บาท ราคาเหมาะสม 55.00 บาท
          a) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.ค. ที่ปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน เป็น 72.5 จุด เป็นสัญญาณบวกโดยตรงต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีกที่จะได้อานิสงค์จากกำลังซื้อในประเทศที่ฟื้นตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคครัวเรือนในต่างจังหวัดที่ซึมตัวมานานตั้งแต่ปี 2558 ที่ผ่านมา
          b) คาดการณ์กำไรสุทธิ 2Q59 เติบโต +24% yoy เป็น 3.9 พันล้านบาท จาก SSSG ที่ขยายตัว +3% yoy เร่งตัวขึ้นจาก 1Q59 ที่ +2.6% yoy 
          c) ได้ประโยชน์โดยตรงจากการขยายตัวของตลาด E-Commerce โดยใช้จุดรับส่งสินค้าที่ 7-11 ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่และเพิ่งเข้าสู่ช่วงเริ่มต้น ดังนั้น จึงยังมีแนวโน้มเติบโตได้อีกมากในระยะยาว และเป็นจุดแข็งของ CPALL เนื่องจากมีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศและความสามารถในการบริหารระบบ Logistic ที่โดดเด่น

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets
กลับมาซื้อสุทธิ US$187 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$95 ล้าน 
เป็นการซื้อสุทธิทุกตลาดอีกครั้ง           

Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติกลับมาสะสมหุ้นไทยอีกครั้ง 
          นักลงทุนต่างชาติ กลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง 1,009 ล้านบาท ใกล้เคียงกับวันก่อนหน้าขายสุทธิ 1,149 ล้านบาท ทำให้ YTD ต่างชาติซื้อสุทธิเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เป็น 81,564 ล้านบาท
          ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 2 เร่งขึ้นเป็น 4,743 สัญญา รวม 2 วันทำการ Long สุทธิ 8,879 สัญญา คาดว่านักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาทยอยเปิดสถานะ Long อีกครั้ง เพราะยอด QTD คงสถานะ Long ขยับขึ้นเป็น 5,283 สัญญา โดย S50U16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index เท่ากับ 6.76 จุด ใกล้เคียงกับวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 6.49 จุด  
          และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้คงการขายสุทธิเป็นวันที่ 2 เร่งขึ้นเป็น 7,771 ล้านบาท รวม 2 วันทำการ ขายสุทธิ 8,771 ล้านบาท เทียบกับ 4 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิมากถึง 52,034 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรไทยเพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 2 ผ่านพันธบัตรไทย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลงอีก 1.88bps เร่งขึ้นจากวันก่อนหน้าลดลง 1.70bps ปิดที่ 2.042%

Short-Selling วานนี้ 
เพิ่มขึ้นเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 811 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 615 ล้านบาท           

NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 21 กลับมาเน้นกลุ่มพลังงานเป็นหลัก แรงขายเบาบาง 
          การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิอีก 735 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิเพียง 523 ล้านบาท รวม 21 วันทำการ ซื้อสุทธิทะลุ 55,000 ล้านบาท เป็น 55,294 ล้านบาท โดยกลับมาสะสมหุ้นหลักในกลุ่มพลังงานเป็นหลัก 614 ล้านบาท ส่วนการขายสุทธิเป็นไปอย่างเบาบางในภาพของรายกลุ่ม

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา
          ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นกลาง 
          - ยอดขอสวัสดิการว่างงานดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 2.69 แสนตำแหน่ง แย่กว่า Bloomberg consensus คาด 2.65 แสนตำแหน่ง และสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.66 แสนตำแหน่ง 
          - คำสั่งซื้อโรงงานเดือนมิ.ย. หดตัว 1.5% mom ดีกว่า Bloomberg consensus คาดหดตัว 1.8% mom แต่เป็นการลดลงในอัตราเร่งเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -1.2% mom 
 
 
ยุโรป
          BoE เพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่าที่คาด
          - ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 0.50% เป็น 0.25% ตามที่ตลาดคาดการณ์ เป็นการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2552
          - เพิ่มวงเงิน QE อีก 7.0 หมื่นล้านปอร์น แบ่งเป็นการซื้อพันธบัตรรัฐบาลวงเงิน 6.0 หมื่นล้านปอร์น ในเวลา 6 เดือน รวมวงเงิน QE เดิมที่ซื้อพันธบัตร 3.75 แสนล้านปอร์น เป็น 4.35 แสนล้านปอร์น และซื้อหุ้นกู้เอกชน 1.0 หมื่นล้านปอร์นในเวลา 18 เดือน ในส่วนนี้จะมีการจำกัดบริษัทเอกชนที่จะเข้าซื้อ คาดว่าจะเลือกเฉพาะบริษัทที่มีผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจอังกฤษอย่างมีนัยยะสำคัญ และเป็นระดับ Investment-grade ที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน เพื่อลดต้นทุนทางการเงินให้แก่ภาคเอกชน
          - ออกวงเงินกู้พิเศษอีก 1.0 แสนล้านปอร์น ในเวลา 18 เดือน
          - ปรับประมาณการเศรษฐกิจปี 2560 ขยายตัว 0.8% ลดลงจากประเมินก่อนหน้าที่ 2.3% ด้วยความไม่แน่แน่นอนอย่างมีนัยยะสำคัญ หลังเกิด Brexit 
          - ปรับประมาณการอัตราการว่างงาน ณ สิ้น 3Q60 เป็น 5.4% เพิ่มขึ้นจากประมาณการก่อนหน้าที่ 4.9% 
          - อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะทะลุเป้าหมาย 2.0% ใน 1Q61 
จีน          
          ไม่มี

เอเชียแปซิฟิก
          ไม่มี

ไทย
           ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.ค.ฟื้นตัวครั้งแรกในรอบ 7 เดือน: อยู่ที่ 72.5 เพิ่มขึ้นจาก 71.6 ใน มิ.ย. ซึ่งเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน โดยได้แรงหนุนจากสถานการณ์ภัยแล้งที่คลี่คลายลง และราคาพืชผลทางการเกษตรหลายรายการเริ่มปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้กำลังซื้อของภาคเกษตร และภาคครัวเรือนในต่างจังหวัด เริ่มมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น อีกทั้งประชาชนคาดหวังว่า รัฐบาลจะเน้นการใช้จ่ายเพื่อการลงทุนและกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้นในครึ่งหลังของปี อย่างไรก็ตาม กลุ่มตัวอย่าง ยังมีความกังวลต่อการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 7 ส.ค.นี้ แต่ภาคธุรกิจและประชาชนยังเชื่อว่า จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นตามโรดแมพของรัฐบาล ไม่ว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ จะผ่านหรือไม่ผ่านก็ตาม ซึ่งจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจไทยที่จะเข้าสู่กระบวนการของการเลือกตั้ง
 

โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 5 ส.ค. 2559
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 05 ส.ค. 2559 เวลา : 10:15:12

24-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 24, 2024, 5:13 pm