รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ครั้งที่ 48 เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2559 ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การประชุมในครั้งนี้เป็นการประชุมครั้งสำคัญที่รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนได้หารือร่วมกันอย่างเป็นทางการครั้งแรก นับจากรวมกันเป็น AEC เมื่อ ปลายปีที่แล้ว โดย สปป.ลาว ในฐานะประธานอาเซียนในปีนี้ ได้จัดทำเอกสารเพื่อผลักดันประเด็นสำคัญที่อยู่ภายใต้แผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 2025 (AEC Blueprint 2025) จำนวน 5 ฉบับ ซึ่งจะช่วยส่งเสริม ขีดความสามารถในการแข่งขันของอาเซียน โดยที่ประชุมได้ให้การรับรองเอกสารดังกล่าวในระหว่างการประชุมแล้ว ได้แก่
1) กรอบการดำเนินงานด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้า เป็นแนวทางพื้นฐานในการเสริมสร้างการอำนวยความสะดวกทางการค้าภายในภูมิภาคอาเซียน ครอบคลุมเรื่องพิธีการศุลกากร การขนส่ง มาตรฐาน การจัดทำกฎระเบียบที่โปร่งใส เป็นต้น โดยเปิดให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการดำเนินการด้วย 2) กรอบการดำเนินงานกำกับดูแลความปลอดภัยอาหาร ซึ่งจะเป็นการนำนโยบายความปลอดภัยอาหารที่รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนให้การรับรองเมื่อปีที่แล้วมาสู่การปฏิบัติ โดยอาจมีการจัดทำความตกลงระหว่างอาเซียนเพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับผู้บริโภค
3) กรอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับผู้ประกอบการขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs) เป็นแนวทาง การขยายโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุนว่าภาครัฐควรมีมาตรการและโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นอะไร 4) แผนงานสำหรับการเริ่มต้นธุรกิจ เป็นแนวทางเพื่อการลดระยะเวลาและขั้นตอนในการจัดตั้งธุรกิจ เช่น การให้บริการแบบ one-stop การรับจดทะเบียนทางอิเล็กทรอนิกส์ และ 5) แนวทางการพัฒนาและความร่วมมือสำหรับเขตเศรษฐกิจพิเศษของอาเซียน เพื่อเป็นแนวทางในการกำหนดนโยบายเกี่ยวกับเขตเศรษฐกิจพิเศษสำหรับประเทศสมาชิกอาเซียนที่ขณะนี้กำลังทวีความสำคัญและมีการจัดตั้งขึ้นหลายแห่งในอาเซียน โดยจะช่วยส่งเสริมความร่วมมือระหว่าง เขตเศรษฐกิจพิเศษของประเทศสมาชิก ส่งเสริมการเชื่อมโยงห่วงโซ่การผลิต และการเป็นฐานการผลิตเดียวของอาเซียน
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ร่วมกันรับรองแผนงาน/กิจกรรมในช่วง 10 ปีข้างหน้าใน 9 สาขาสำคัญภายใต้แผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 2025 หรือที่เรียกว่า AEC Blueprint 2025 เช่น แผนงานด้านการค้าสินค้า ซึ่งจะมี การปรับปรุงความตกลงการค้า และการสร้างกลไกลดผลกระทบจากมาตรการที่มิใช่ภาษี แผนงานด้านบริการ จะมีการพิจารณาวิธีการใหม่ๆ เพื่อการเปิดเสรีการค้าบริการที่ลึกขึ้น แผนงานด้านการลงทุน ซึ่งครอบคลุมการประเมินผล การเปิดเสรีการลงทุน การทบทวนข้อจำกัดต่างๆ การคุ้มครองการลงทุน การส่งเสริมและอำนวยความสะดวกด้าน การลงทุน และการเสริมสร้างความรู้และศักยภาพ แผนงานด้านการคุ้มครองผู้บริโภค จะมีการทบทวนและปรับปรุงกฎหมายการคุ้มครองผู้บริโภครวมถึงให้ความรู้กับผู้บริโภค เพื่อให้มีความเชื่อมั่นในการทำธุรกิจข้ามพรมแดน นอกจากนี้ ที่ประชุมได้ให้การรับรองกรอบการตรวจสอบและประเมินผลแผนงานที่จัดทำภายใต้ AEC Blueprint 2025 โดยแนวทางการวัดผลในอนาคตไม่เพียงแต่วัดว่าทำได้แล้วหรือไม่ แต่จะวัดผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นว่าสอดคล้องกับ AEC Blueprint 2025 อย่างไร และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่ออาเซียนโดยรวมด้วย
นางอภิรดี กล่าวเพิ่มเติมว่า อาเซียนยังได้หารือการเปิดตลาดการค้าบริการระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งปัจจุบันอาเซียนแต่ละประเทศสามารถเข้าไปลงทุนจัดตั้งธุรกิจในอีกประเทศโดยถือหุ้นข้างมากได้ โดยธุรกิจ ที่ประเทศสมาชิกอาเซียนอื่นเปิดตลาดให้ไทยเข้าไปลงทุนมีหลายสาขาที่ไทยมีศักยภาพ โดยเฉพาะในตลาด ของประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร สถานพยาบาล ธุรกิจบันเทิง การจัดงานแสดงสินค้า และ ได้เร่งรัดให้อาเซียนเปิดตลาดบริการเพิ่มเติมให้ได้ตามที่ตกลงกันภายในปี 2560 อันจะส่งเสริมให้เกิดการรวมตัว ของภาคบริการในภูมิภาค เสริมสร้างความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ และยกระดับภาคบริการของอาเซียนซึ่งจะเสริมสร้างความพร้อมของอาเซียนที่จะรวมเป็นส่วนหนึ่งของโลกได้
นอกจากนี้ รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนจะหารือกับประเทศคู่เจรจา รวม 9 ประเทศ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย รัสเซีย สหรัฐอเมริกา แคนาดา และจะมีการร่วมรับรองเอกสารกับญี่ปุ่น ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ และสหรัฐฯ จำนวน 3 ฉบับ ได้แก่ เอกสารแผนยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น ระยะ 10 ปี ที่จะเสริมสร้างความร่วมมือกับญี่ปุ่น อาทิ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การพัฒนา SMEs การพัฒนาอุตสาหกรรมลุ่มแม่น้ำโขง การปรับปรุงนวัตกรรม เป็นต้น เอกสารขอบเขตการทบทวนความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ เพื่อประเมินประโยชน์ ผลกระทบ และจัดทำข้อเสนอแนะเพื่อการปรับปรุง พัฒนา ยกระดับ และแก้ไขข้อจำกัดภายใต้ความตกลงฯ และเอกสารความร่วมมือด้านการส่งเสริมแนวปฏิบัติที่ดีด้านความโปร่งใสและข้อพึงปฏิบัติที่ดีในการออกกฎระเบียบระหว่างอาเซียน-สหรัฐอเมริกา เพื่อขจัดอุปสรรคทางการค้า ที่ไม่จำเป็นและกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าการลงทุนระหว่างทั้งสองฝ่าย รวมทั้งจะมีการหารือกับจีนเพื่อสรุป ร่างแถลงการณ์ร่วมระหว่างอาเซียน – จีน ว่าด้วยความร่วมมือในการเสริมสร้างศักยภาพการผลิต ซึ่งจะเสนอผู้นำอาเซียนและจีนให้การรับรองต่อไป
ข่าวเด่น