เมื่อเวลา 18.00 น. วันนี้ (10 ส.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท.) ว่า บัดนี้การออกเสียงแสดงประชามติร่างรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 7 สิงหาคมเสร็จสิ้นลงแล้ว คณะรัฐมนตรีได้รับแจ้งผลอย่างเป็นทางการจากคณะกรรมการการเลือกตั้งแล้วว่าร่างรัฐธรรมนูญและประเด็นคำถามพ่วงได้รับคะแนนเสียงเห็นชอบเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งหมายความว่าทั้งร่างรัฐธรรรมนูญและประเด็นคำถามพ่วงผ่านการออกเสียงประชามตินั่นเอง
คณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีขอขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง นับแต่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญซึ่งได้ทำงานอย่างหนักทั้งในการยกร่างและการชี้แจงต่อประชาชน ขอขอบคุณคณะกรรมการการเลือกตั้ง ตลอดจนถึงเจ้าหน้าที่ทุกคนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการชี้แจง การดูแลการออกเสียง และการรักษาความสงบเรียบร้อย ขอขอบคุณสื่อมวลชนทุกแขนงที่ช่วยประชาสัมพันธ์ ที่สำคัญที่สุดคือ ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทั้งหลายที่ออกไปใช้สิทธิในครั้งนี้เป็นจำนวนมากถึงเกือบประมาณร้อยละ 60
และไม่ว่าท่านจะเป็นผู้มีสิทธิออกเสียงหรือไม่ ได้ออกไปใช้สิทธิหรือไม่ และลงประชามติอย่างไรก็ตาม ผมต้องขอบคุณที่ได้ช่วยกันรักษากฎเกณฑ์กติกาและความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง จนเหตุการณ์ส่วนใหญ่ผ่านไปด้วยดี ไม่เกิดเหตุร้ายรุนแรง ดังที่อาจมีผู้วิตกกังวลหรือคาดเดา ผมเห็นภาพพ่อแม่พี่น้อง คนชรา คนพิการ ออกไปใช้สิทธิกันท่วมท้นแล้วชื่นใจจริง ๆ ผมขอให้ทุกคนช่วยกันรักษาบรรยากาศดี ๆ เช่นนี้ตลอดไป โดยเฉพาะในการเลือกตั้งใหญ่ที่จะมาถึงในอีกประมาณหนึ่งปีข้างหน้า สำหรับความรู้สึกและความคิดเห็นส่วนตัวที่อาจมีผู้สมหวังหรือผิดหวัง ถูกใจหรือไม่ถูกใจร่างรัฐธรรมนูญและผลการออกเสียงประชามติ ย่อมมีอยู่เป็นธรรมดา เช่นเดียวกับในการจัดทำรัฐธรรมนูญทุกครั้งและในทุกประเทศ แต่ผมใคร่ขอให้ทุกฝ่ายยอมรับผลดังกล่าว บัดนี้ การออกเสียงประชามติยุติลงแล้ว แต่ภารกิจของท่านและผมยังไม่ยุติ ขอให้เราทั้งหลายทิ้งความเห็นต่าง ความรู้สึกชอบ ไม่ชอบ หรือ รับ ไม่รับ ไว้ในหีบลงคะแนนแล้วร่วมกันก้าวต่อไปข้างหน้า ภารกิจที่รอเราอยู่ยังมีอีกมากและอาจยากลำบากกว่าที่ผ่านมา นั่นคือการสร้างความเจริญรุ่งเรือง การปฏิรูปประเทศ การยุติความขัดแย้ง และการสร้างความปรองดองภายใต้กติกาฉบับใหม่
จนถึงบัดนี้ อะไรที่เคยรู้สึกว่าคลุมเครือต้องถือว่ามีความชัดเจนแล้ว การดำเนินการที่ผ่านมาเป็นไปตามโรดแม็ปหรือขั้นตอนที่ผมเคยประกาศไว้ทุกประการ นับจากขั้นตอนที่ 1 คือเมื่อ คสช. เข้าควบคุมสถานการณ์จนถึงการมีรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวและการจัดตั้งรัฐบาลรวม 3 เดือน ขั้นตอนที่ 2 เริ่มจากการจัดตั้งรัฐบาลนี้เมื่อ 2 ปีก่อน จนถึงปัจจุบัน และจะยังคงอยู่ต่อไปอีกประมาณ 1 ปี ตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จนถึงการเลือกตั้งในปีหน้า ส่วนขั้นตอนที่ 3 จะเริ่มเมื่อมีการเลือกตั้งตามโรดแม็ปและจัดตั้งรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ทั้งนี้เพื่อความเข้าใจ ความชัดเจน และความมั่นใจของพี่น้องทั้งหลาย ผมขอรายงานให้ทราบถึงสิ่งที่จะต้องทำต่อจากนี้ไป ดังนี้1. คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญจะต้องแก้ไขเพิ่มเติมบทเฉพาะกาลของร่างรัฐธรรมนูญให้สอดคล้องกับประชามติตามประเด็นคำถามพ่วงซึ่งได้รับความเห็นชอบจากประชาชนแล้ว และส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบความถูกต้อง เสร็จแล้วจึงให้เจ้าหน้าที่อาลักษณ์เขียนร่างรัฐธรรมนูญที่สมบูรณ์ลงในสมุดไทย ซึ่งที่จริงก็ได้เตรียมการไว้ก่อนบ้างแล้ว หลังจากนั้น ผมจะได้นำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อทรงพิจารณาและลงพระปรมาภิไธยต่อไป ซึ่งจะใช้เวลารวมแล้วไม่เกิน 3 เดือน
2. เมื่อทรงลงพระปรมาภิไธยและประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับใหม่แล้ว รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 จะสิ้นสุดลง รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของประชาชนจะเริ่มใช้บังคับ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญจะต้องจัดทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญอีก 10 ฉบับ โดยเฉพาะ 4 ฉบับแรก ซึ่งจำเป็นต่อการเลือกตั้ง จะต้องสำเร็จลงก่อนฉบับอื่น ๆ ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็จะจัดทำกฎหมายหลายสิบฉบับและเตรียมการอื่น ๆ ตามที่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่กำหนดคู่ขนานกันไป ซึ่งก็ได้เตรียมการไว้บ้างแล้ว เมื่อเสร็จแล้วจะได้เสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ในระหว่างนี้ คสช. รัฐบาล สภานิติบัญญัติแห่งชาติและสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศจะยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปตามบทเฉพาะกาลจนกว่าองค์กรใหม่จะเข้ามารับช่วงตามกติกาที่วางไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
3. การจัดทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ 4 ฉบับ อันจำเป็นต่อการเลือกตั้งเป็นงานที่ละเอียดอ่อนและยากลำบากไม่น้อยไปกว่าการร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งยังมีขั้นตอนมาก เช่น ต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรต่าง ๆ ตรวจสอบความถูกต้องด้วย แต่น่าจะเสร็จสิ้นจนประกาศใช้ได้ไม่เกินกลางปี 2560 หลังจากนั้นเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้งที่จะจัดการเลือกตั้งทั่วไปให้แล้วเสร็จภายใน 150 วัน หรือ 5 เดือน ซึ่งก็คือช่วงปลายปี 2560 อันยังคงเป็นไปตามโรดแม็ปที่วางไว้ หากสถานการณ์บ้านเมืองยังคงมีความสงบสุขดังเช่นปัจจุบันนี้
สถานการณ์บ้านเมืองโดยทั่วไปในขณะนี้แม้จะดูว่ามีความสงบเรียบร้อยดี เพราะพี่น้องทั้งหลายรู้สึกได้ว่ายังคงสามารถใช้ชีวิต ประกอบสัมมาอาชีพ และไปมาหาสู่กันได้เป็นปกติ นักท่องเที่ยว นักลงทุน ยังเดินทางเข้ามาตามปกติ การสนทนาปราศรัยระหว่างญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงหรือคนแปลกหน้าไม่ต้องหวาดระแวงเหมือนเมื่อก่อนว่าใครเป็นใคร สีใด หรืออยู่ฝ่ายใด สิทธิเสรีภาพยังมีอยู่ทุกประการ แม้จะมีผู้บิดเบือนว่าถูกจำกัดตัดสิทธิ แต่ก็เห็นได้ว่าถ้าสุจริตและไม่ได้ทำผิดกฎหมายก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองแล้ว ทุกคนยังสามารถกระทำการใด ๆ ก็ได้ ทั้งยังสามารถแสดงความเห็น วิพากษ์วิจารณ์ ตำหนิติเตียนรัฐบาลได้ดังที่ท่านได้เห็นได้ยินทุกเมื่อเชื่อวัน มิฉะนั้นท่านจะทำได้หรือ ที่สำคัญในช่วงเวลานี้ประเทศไทยยังได้รับความเชื่อมั่น การยกย่อง และการจัดอันดับในขั้นที่น่าพอใจในด้านต่าง ๆ จากนานาประเทศและประชาคมโลก ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศยังคงเป็นไปตามปกติ รัฐบาลทุกประเทศให้เกียรติยกย่องประเทศไทย องค์กรต่าง ๆ ไม่ว่ารัฐบาล สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ศาล องค์กรอิสระ หรือหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ไม่อยู่ในสภาพง่อยเปลี้ยทำงานไม่ได้ดังในอดีต ท่านลองเปรียบเทียบสภาพบ้านเมืองในวันนี้กับบ้านเมือง และชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนเมื่อก่อนเดือนพฤษภาคม 2557 อย่างน้อย ท่านอาจถามตัวเองว่าทุกวันนี้ท่านมีความสุขสบายใจขึ้นกว่าเมื่อก่อนหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ผมขอเรียนพี่น้องทั้งหลายว่า ทุกวันนี้ใช่ว่าบ้านเมืองของเราจะปราศจากปัญหาโดยสิ้นเชิงเสียทีเดียว เพราะแม้ทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและภาคประชาชนโดยเฉพาะฝ่ายเอกชนที่ร่วมกันทำงานตามแนวทางประชารัฐ จะพยายามคืนความสงบสุขแก่ประชาชน ยุติความขัดแย้ง เยียวยาความบอบช้ำของบ้านเมือง มุ่งมั่นแก้ปัญหาเดิม ๆ และนำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามหลักนิติธรรม แต่ก็ยังมีผู้ไม่พอใจ หรือผิดหวังกับความปกติสุขเช่นนี้ ยังคงทำลายและทำร้ายประเทศ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวยิ่งกว่าความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองไม่หยุดหย่อน อีกทั้งยังจาบจ้วงล่วงเกินสถาบันอันเป็นที่เคารพนับถือของประชาชนอย่างรุนแรงโดยทางสื่อออนไลน์บ้าง ส่งข้อความเข้ามาจากต่างประเทศบ้าง ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐจะต้องดูแลมิให้ปัญหาเหล่านี้เป็นภยันตรายคุกคามความสงบสุขของประชาชน และความมั่นคงแห่งชาติ แต่ขอยืนยันว่าการดำเนินการของรัฐจะอยู่ภายใต้กฎหมาย และหลักนิติธรรม อย่างน้อยอำนาจของ คสช. ตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว มาตรา 44 ก็จะยังคงมีอยู่ต่อไปเพื่อให้ความอุ่นใจ สร้างความมั่นใจให้แก่พี่น้องทั้งหลายไปอีกระยะหนึ่ง จึงขอให้ผู้คิดร้ายต่อประเทศยอมรับนับถือกฎหมาย และคำนึงถึงพลังประชามติเมื่อวันที่ 7 สิงหาคมนี้ด้วย
นายกฯกล่าวว่า การประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เป็นสัญญาณว่าการเลือกตั้งทั่วไปกำลังจะมาถึงในอีกประมาณหนึ่งปีเศษนับจากนี้ ระหว่างเวลานี้ รัฐบาลและพี่น้องทั้งหลายยังคงมีภาระหน้าที่ร่วมกันในการรักษาความสงบเรียบร้อยและการพัฒนาประเทศต่อไปอีก ทั้งยังมีภารกิจยิ่งใหญ่ที่รอคอยอยู่และเป็นความหวังของชาติ เป็นทางรอดของบ้านเมือง นั่นคือการปฏิรูปประเทศ ซึ่งครั้งหนึ่งเราเคยถามกันว่า จะปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง หรือจะเลือกตั้งก่อนปฏิรูป ความจริงคำตอบมีอยู่แล้วว่า การปฏิรูปเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลายาวนาน จึงไม่ใช่สิ่งที่จะต้องทำอย่างหนึ่งให้เสร็จก่อนแล้วจึงไปทำอีกอย่าง เพราะการปฏิรูปคือการเปลี่ยนความเคยชินเดิม ๆ เปลี่ยนกรอบความคิด เปลี่ยนวิธีการจากที่เคยทำมาหลายปี จึงไม่อาจสำเร็จเสร็จสิ้นในเวลาอันสั้น หากแต่ต้องลงมือดำเนินการคู่ขนานไปกับเรื่องอื่น ๆ และต้องค่อยทำค่อยไป ต้องสร้างความรับรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน เพื่อลดความขัดแย้งไปด้วย
รัฐบาลนี้ได้เริ่มทำสิ่งเหล่านี้มาแล้วตลอด 2 ปีที่ผ่านมา โดยการจัดให้มีกฎหมายประมาณ 190 ฉบับ หลายฉบับเป็นกฎหมายว่าด้วยเศรษฐกิจการค้าการลงทุน การปรับระบบภาษีอากร การอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน การเพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศ การรักษาความสงบเรียบร้อย และการปฏิบัติตามพันธะระหว่างประเทศ กฎหมายเหล่านี้ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ประเทศชาติและประชาชนรอคอยมานานปี แต่ออกมาได้ยากในเวลาที่บ้านเมืองมีความขัดแย้งสูง หรือรัฐสภาไม่อาจทำหน้าที่ได้ตามปกติ ทั้งได้ดำเนินการฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก ปรับโครงสร้างการผลิต โครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคม วางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัล การศึกษา ปรับปรุงวิธีปฏิบัติราชการให้ทันกับยุคดิจิทัลและสามารถสนองความต้องการของประชาชน อำนวยความสะดวกแก่ผู้ติดต่อกับทางราชการ ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม เพิ่มโอกาสแก่ผู้ด้อยโอกาส ตั้งกองทุนยุติธรรมช่วยเหลือตั้งแต่ผู้เสียหาย โจทก์ พยาน จนถึงจำเลย ขจัดการทุจริตคอรัปชั่นโดยใช้มาตรการต่าง ๆ เช่น แก้กฎหมายเพิ่มโทษ จัดตั้งศาลคดีทุจริต ตลอดจนจัดการกับคดีสำคัญ ๆ ที่ค้างคามายาวนานโดยเฉพาะคดีทุจริต ดำเนินการทวงคืนผืนป่าและที่ดินเพื่อเร่งนำมาคืนให้ประชาชนใช้ประโยชน์ เร่งรัดขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และวางแนวทางยุทธศาสตร์ชาติระยะยาวเพื่อให้คนในชาติรู้เป้าหมายในการพัฒนาประเทศว่าเราจะเดินต่อไปในทิศทางใด ก่อนที่จะส่งให้รัฐบาลหลังการเลือกตั้งรับช่วงไปดำเนินการตามวิถีทางรัฐธรรมนูญ
ปัญหาที่ท้าทายและหนักหน่วงยังรอเราอยู่ข้างหน้าอีกมาก ผมซาบซึ้งและขอขอบคุณในความเชื่อมั่นและความไว้วางใจของท่านที่มีต่อ คสช. และรัฐบาล พลังประชามติครั้งนี้มีความหมายมากต่ออนาคตของประเทศ อย่างน้อยก็แสดงให้โลกรู้ว่าพี่น้องประชาชนชาวไทยคิดอย่างไรต้องการอย่างไรกับประเทศของตน พลังของประชาชนไม่อาจประมาทได้เลย ดังนั้นคณะรักษาความสงบแห่งชาติและรัฐบาลโดยเฉพาะผมเองจึงยิ่งต้องใช้ความพยายาม ทุ่มเทสติปัญญา และเวลาที่เหลืออยู่ให้บังเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนให้หนักขึ้นเพื่อให้สมกับความเชื่อมั่นและความไว้วางใจของท่านทั้งหลายโดยยึดถือความสุจริต การมีธรรมาภิบาลและความไม่ประมาทในการใช้อำนาจหน้าที่ สิทธิเสรีภาพของประชาชนข้อใดที่รัฐธรรมนูญรับรอง ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลนี้อยู่แล้ว เช่น การให้การศึกษา การให้บริการสาธารณสุขโดยประชาชนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เสรีภาพในการนับถือและปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนาทุกศาสนา จะได้รับการคุ้มครองอย่างเต็มที่ ประเทศชาติของเราจะต้องเป็นสังคมที่มีสันติสุข มีความสงบเรียบร้อย มีเป้าหมายการพัฒนาที่ชัดเจน มีความเป็นธรรม ถ้าว่าตามตัวบทกฎหมายแล้ว รัฐบาลอาจดูเหมือนว่าเป็นผู้นำในการดำเนินการเหล่านี้ แต่โดยความเป็นจริง ทุกคนต้องเดินเคียงคู่ไปด้วยกัน เพื่อว่าเราทั้งหลายจะสามารถก้าวไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนได้โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง แม้บางคนจะยังมีความเห็นแย้ง หรือความเห็นต่างกันอยู่บ้างก็ตาม
ถ้ามีสิ่งใดที่ คสช. และรัฐบาลต้องการความร่วมมือจากท่าน หรือมีเรื่องที่ต้องเรียนให้พี่น้องทั้งหลายทราบ จะขอเวลาชี้แจงเช่นนี้อีกในโอกาสต่อไป
ข่าวเด่น