แนวโน้มราคาทอง (15ส.ค. 59) โดย YLG Bullion International
สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่ง วันที่ 11 สิงหาคม 2559
สภาวะตลาดวันที่ 11 สิงหาคม 2559 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,340.10-1,348.06 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 22,200 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวลดลง 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 22,250 บาทต่อบาททองคำ
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.00 น.ของวันที่ 11/08/16)
แนวโน้มวันที่ 15 สิงหาคม 2559
สภาทองคำโลก (WGC) ระบุว่า อุปสงค์ทองคำในจีนอยู่ที่ 981.5 ตันในปี 2015 ส่วนอุปสงค์ของอินเดียครองอันดับสองที่ระดับ 864.3 ตัน อุปสงค์ที่ระดับต่ำและอุปทานเศษทองคำ เป็นสองปัจจัยที่อินเดียปรับลดการนำเข้าทองคำลง โดยปริมาณการนำเข้าทองคำในอินเดียอยู่ที่ 20 ตันในเดือนกรกฎาคม ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคมและร่วงลง 79.3% จากเดือนกรกฎาคม 2015
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่รายหนึ่งในธนาคารผู้นำเข้าทองรายสำคัญกล่าวว่า ปริมาณการใช้ทองคำในจีนและอินเดียมีแนวโน้มดิ่งลง 15-20% ในปี 2016 โดยเป็นผลจากการที่นักลงทุนลดความต้องการซื้อทอง และเป็นผลจากยอดขายเครื่องประดับที่ลดลง ประเด็นดังกล่าวสร้างมุมมองเชิงลบต่อทิศทางราคาทองคำ
อย่างไรก็ตาม แรงกดดันดังกล่าวลดลงบ้าง เมื่อสภาทองคำโลก รายงานว่า การลงทุนในทองคำของกองทุน ETF ซึ่งรวมถึงทองคำแท่งและเหรียญ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2016 ทำสถิติใหม่ที่ 1,063.9 ตัน พุ่งขึ้น 16% จากสถิติสูงสุดก่อนหน้านี้ที่ทำไว้ในช่วงหกเดือนแรกของปี 2011 และคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของความต้องการทองคำทั้งหมดซึ่งอยู่ที่ 2,335 ตันในช่วงครึ่งแรกของปี 2016 ทั้งนี้ ตลาดโลหะลอนดอน (LME) วางแผนจะเปิดการซื้อขายสัญญาสปอตและสัญญาล่วงหน้าสำหรับทองคำและโลหะเงินในช่วงครึ่งแรกของปี 2017 ได้สร้างความหวังว่าจะเพิ่มปริมาณการซื้อในตลาดทองคำให้เพิ่มสูงขึ้นในอนาคต ซึ่งในระยะสั้นประเมินว่าหากราคาทองคำขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,358-1,367 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากไม่สามารถผ่านไปได้ ทำให้ราคาเกิดการอ่อนตัวลง แต่หากการอ่อนตัวของราคาทองคำยังคงสามารถยืนเหนือโซนบริเวณ 1,334-1,322 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ โดยราคาทองคำยังมีโอกาสทดสอบแนวต้าน ซึ่งการแกว่งตัวของราคาทองคำยังถือเป็นโอกาสให้นักลงทุนระยะสั้นเข้าซื้อเก็งกำไร
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีแนะนำ สำหรับผู้ที่ไม่มีทองคำในมือ แนะนำให้ลงทุนระยะสั้นโดยรอซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงไปบริเวณแนวรับที่ 1,334 หรือ 1,322 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้น โดยราคาทองคำมีลักษณะการแกว่งตัวในระยะสั้นเพื่อสะสมกำลังแบบ Sideway โดยมีการทรงตัวรักษาระดับไว้ น่าจะพอทำให้ในระยะสั้นนี้ราคาจะเคลื่อนไหวในกรอบ โดยหากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านได้อย่างแข็งแกร่ง นักลงทุนยังต้องระมัดระวังแรงขายทางเทคนิคและนักลงทุนควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาหลุดบริเวณแนวรับ เพื่อลดความเสียหายของพอร์ทการลงทุน ในขณะที่นักลงทุนที่มีทองคำในมือ ให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวหรือไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน 1,358 หรือ 1,367 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แล้วรอไปซื้อคืนบริเวณแนวรับสำคัญ
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,334 (21,960บาท) 1,322 (21,760บาท) 1,310 (21,560บาท)
แนวต้าน 1,358 (22,360บาท) 1,367 (22,510บาท) 1,375 (22,640บาท)
ข่าวเด่น