บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) แจ้งผลประกอบการ(รวมบริษัทย่อย) ไตรมาส 2/59 ขาดทุนสุทธิ 2.92 พันล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 1.34 บาทเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 1.28 หมื่นล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 5.85 บาท
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) แจ้งผลประกอบการ(รวมบริษัทย่อย)
งวดไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2559 สรุปได้ดังนี้
สอบทาน/ตรวจสอบ
สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม (หน่วย : พันบาท)
ไตรมาส 2 งวด 6 เดือน
ปี 2559 2558 2559 2558
กำไร(ขาดทุน)สุทธิ(2,921,077)(12,759,067)3,078,100(8,217,935)
กำไร(ขาดทุน) (1.34) (5.85) 1.41 (3.76)
สุทธิต่อหุ้น(บาท)
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ประจำปี 2559 ขาดทุนจากการดำเนินงานธุรกิจการบิน (Operating Loss) จำนวน 1,782 ล้านบาท (ขาดทุนลดลงจากปีก่อน 62.2%) บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายพิเศษตามโครงการตามแผนปฏิรูปและการด้อยค่าของสินทรัพย์และเครื่องบิน จำนวน 2,300 ล้านบาท และมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจำนวน 595 ล้านบาท ส่งผลให้ขาดทุนสุทธิ 2,915 ล้านบาท ทั้งนี้ จากการดำเนินการตามแผนปฏิรูปองค์กรอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผลประกอบการครึ่งปีแรกมีกำไรจากการดำเนินธุรกิจการบินจำนวน 5,397 ล้านบาท ดีขึ้นมากเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนที่ขาดทุน 297 ล้านบาท
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 2 บริษัทฯ ยังคงดำเนินกลยุทธ์ตามแผนปฏิรูปองค์กรระยะที่ 2 “สร้างความแข็งแกร่งในการแข่งขัน” ต่อเนื่องมาจากไตรมาสก่อน และได้เริ่มจัดทำแผนกลยุทธ์ 10 ปี การเริ่มใช้ ROP “MyWallet” ซึ่งเป็นการรวมบริการออนไลน์ และข้อมูลข่าวสารต่างๆ ของรอยัล ออร์คิด พลัส เพื่ออำนวยความสะดวกแก่สมาชิก ROP มากยิ่งขึ้น การปรับกระบวนการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในหน่วยธุรกิจ อาทิ ฝ่ายครัวการบิน ฝ่ายบริการลูกค้าภาคพื้น
นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินโครงการร่วมใจจากองค์กร (Mutual Separation Plan : MSP) ปี 2559 มีผลวันที่ 1 มิถุนายน 2559 และ 1 กรกฎาคม 2559 โดยมีพนักงานเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 280 คน ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) เมื่อเดือนกรกฎาคม 2559 ระบุว่าการบินไทยปฏิบัติตามแผนฟื้นฟูคืบหน้าเป็นอย่างดี สอดคล้องกับการจัดอันดับในปีล่าสุดของสกายแทรกซ์ (Skytrax Awards 2016) ที่บริษัท การบินไทยฯ ได้รับรางวัลอันดับ 1 สายการบินที่มีการปรับปรุงคุณภาพการบริการดีขึ้นมากที่สุด (World’s Most Improved Airline) ทั้งด้านคุณภาพของผลิตภัณฑ์ การให้บริการภาคพื้น และการให้บริการบนเครื่องบิน และอันดับ 1 สายการบินที่ให้บริการสปาเลาจน์ยอดเยี่ยม (World’s Best Airline Lounge Spa)
ไตรมาส 2 ซึ่งปกติเป็นช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว ประกอบกับการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจากการขยายตัวของสายการบินต้นทุนต่ำ และสายการบินจากตะวันออกกลาง และเหตุก่อการร้ายในยุโรป ซึ่งเป็นตลาดหลัก ทำให้ไตรมาส 2 ของปี 2559 มีปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร (Revenue Passenger – Kilometer : RPK) ลดลง 0.6% โดยมีปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (Available Seat-Kilometer : ASK) ลดลงจากปีก่อน 0.2% อัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ย 69.0% ต่ำกว่าปีก่อนเล็กน้อย โดยในเดือนมิถุนายน 2559 บริษัทฯ ได้ปลดระวางเครื่องบินเช่าดำเนินงาน โบอิ้ง 777-200 จำนวน 1 ลำ ทำให้จำนวนเครื่องบินใช้ดำเนินงาน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2559 รวม 94 ลำ ลดลงจากไตรมาสก่อน 1 ลำ การใช้ประโยชน์ของเครื่องบิน (Aircraft Utilization) เพิ่มขึ้นเป็น 11.0 ชั่วโมง จาก 10.9 ชั่วโมงในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีจำนวนผู้โดยสารที่ทำการขนส่งรวมทั้งสิ้น 5.11 ล้านคน สูงกว่าปีก่อน 0.8%
ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ประจำปี 2559 กลุ่มบริษัทฯ ขาดทุนจากการดำเนินงานธุรกิจการบิน 1,782 ล้านบาท ขาดทุนลดลงจากปีก่อนถึง 2,931 ล้านบาท (62.2%) สาเหตุหลักเนื่องจากค่าน้ำมันเครื่องบินลดลง 3,182 ล้านบาท (21.3%) จากราคาน้ำมันเฉลี่ยลดลง 27.9% และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไม่รวมค่าน้ำมันลดลง 184 ล้านบาท (0.6%) ขณะที่การปรับลดอัตราค่าธรรมเนียมชดเชยค่าน้ำมันตามราคาน้ำมันที่ลดลงจะทำให้รายได้ค่าโดยสารและน้ำหนักส่วนเกินลดลงเพียง 536 ล้านบาท (1.6%) จากการบริหารด้านราคามีประสิทธิภาพขึ้น ทำให้รายได้ค่าโดยสารครอบคลุมค่าน้ำมันได้ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสนี้มีค่าใช้จ่ายผลประโยชน์ตอบแทนโครงการร่วมใจจากองค์กร (MSP) จำนวน 427 ล้านบาท และผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์และเครื่องบินจำนวน 1,873 ล้านบาท แต่มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 595 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ และบริษัทย่อย ขาดทุนสุทธิ 2,915 ล้านบาท ขาดทุนลดลงจากปีก่อน 9,839 ล้านบาท โดยเป็นขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 2,921 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 1.34 บาท เปรียบเทียบกับปีก่อนที่ขาดทุน 5.85 บาท
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2559 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 292,895 ล้านบาท ลดลงจากวันที่ 31 ธันวาคม 2558 จำนวน 9,576 ล้านบาท (3.2%) จากการชำระคืนเงินกู้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว หนี้สินรวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อย เท่ากับ 257,923 ล้านบาท ลดลงจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2558 จำนวน 11,622 ล้านบาท (4.3%) และส่วนของผู้ถือหุ้นมีจำนวน 34,972 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันที่ 31 ธันวาคม 2558 จำนวน 2,046 ล้านบาท (6.2%)
ข่าวเด่น