วันนี้ (17 ส.ค. 59) เวลา 15.30 น. ณ ห้องสีงาช้าง ทำเนียบรัฐบาล นายดีมีทรีออส เอ. ทีโอฟีลักตู (H.E. Mr. Demetrios A. Theophylactou) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐไซปรัสประจำประเทศไทย ถิ่นพำนัก ณ กรุงนิวเดลี เข้าเยี่ยมคารวะพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในโอกาสที่ีเข้ารับตำแหน่ง
พลตรี วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปการหารือดังนี้ ทั้งสองฝ่ายกล่าวทักทายและยินดีที่ได้พบ โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับเอกอัครราชทูตฯ ในโอกาสเดินทางเยือนไทยเพื่อเข้ารับตำแหน่ง และย้ำว่ารัฐบาลพร้อมร่วมมือ เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างกันในทุกมิติ
ด้านความสัมพันธ์ทวิภาคี เพื่อกระชับความสัมพันธ์ และสร้างความใกล้ชิดระหว่างสองประเทศ เนื่องจากไทยและไซปรัสยังมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างการไม่มากนัก ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องผลักดันให้มีความร่วมมือให้มากขึ้นในอนาคต
ด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ไทยและไซปรัสเห็นพ้องให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนของนักธุรกิจทั้งสองฝ่ายในสาขาที่แต่ละฝ่ายมีศักยภาพ เพื่อเป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้า ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไซปรัสอาจใช้ประโยชน์จากไทย ในฐานะที่ไทยอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ของอาเซียน โดยรัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความเชื่อมโยงกับอาเซียน โดยไซปรัสอาจพิจารณาจัดตั้ง ITC และ IHQ เพื่อเชื่อมโยงไปยังประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค
ด้านสถานการณ์การเมืองไทย ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงพัฒนาการทางการเมืองของไทยว่า รัฐบาลกำลังเดินหน้าตามโรดแมปที่ได้วางไว้ โดยที่ผ่านมาได้ดำเนินการปฏิรูปกฎหมายให้ทันสมัย มีการประกาศใช้กฎหมายไปแล้วกว่า 160 ฉบับ รวมทั้งจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อเป็นรากฐานประเทศ ด้วยกลไกประชารัฐ ที่เน้นความร่วมมือของทุกภาคส่วนขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไปด้วยกัน
ในตอนท้าย เอกอัครราชทูตฯกล่าวว่า ไซปรัสพร้อมร่วมมือกับไทยอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศที่ถือเป็นพื้นฐานสำคัญของความสัมพันธ์ รวมถึงความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว วัฒนธรรม และนวัตกรรม และในโอกาสนี้เอกอัครราชทูตฯ ในฐานะตัวแทนของรัฐบาลไซปรัส กล่าวแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ระเบิดและไฟไหม้ในภาคใต้ และยังได้กล่าวย้ำว่า จะทำหน้าที่เอกอัครราชทูตฯอย่างดีที่สุด เพื่อประโยชน์ของทั้งสองประเทศ
นอกจากนี้ เอกอัคคราชทูตฯยังได้กล่าวชื่นชมถึงความมุ่งมั่นของนายกรัฐมนตรีในการแก้ไขปัญหาประเทศ โดยไซปรัสสนับสนุนกระบวนการเดินหน้าประเทศตามที่นายกรัฐมนตรีได้วางแผนไว้ และพร้อมแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์สำหรับทั้งสองประเทศ
ข่าวเด่น