เมื่อ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) นำคณะสื่อมวลชนเยี่ยมชมความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต บริเวณสถานีทุ่งสองห้องต้นแบบสถานีรถไฟยกระดับ และบริเวณสถานีกลางบางซื่อ ซึ่งอนาคตจะกลายเป็นศูนย์กลางการเดินทางระบบรางทันสมัยที่สุดในอาเซียน
ผู้ว่า รฟท. เปิดเผยว่าได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟระบบชานเมืองสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิต บริเวณสถานีทุ่งสองห้อง และสถานีกลางบางซื่อ พบว่าภาพรวมการก่อสร้างล่าช้ากว่าแผนถึง 20% จึงเตรียมหารือกับเอกชนผู้รับเหมาก่อสร้างในเดือน ก.ค.59 เพื่อเร่งรัดให้โครงการก่อสร้างเป็นไปตามแผนที่กำหนด
ความคืบหน้าของผู้รับจ้างสัญญาที่ 1 (งานโยธาสำหรับสถานีกลางบางซื่อและศูนย์ซ่อมบำรุง) ถึงวันที่ 25 ก.ค. 59 แผนงานกำหนดที่ 60% แต่มีความคืบหน้า 47.26% ล่าช้ากว่าแผนกว่า 10% เพราะติดปัญหาแนวท่อน้ำมันในพื้นที่ สัญญาที่ 2(งานโยธาสำหรับทางรถไฟ ช่วงบางซื่อ–รังสิต) แผนงานกำหนดที่ 90% งานคืบหน้า 67.73% ล่าช้ากว่าแผนกว่า 20% เพราะติดปัญหารื้อย้ายชุมชน ส่วนสัญญา 3 งานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมจัดหาตู้รถไฟ สำหรับช่วงบางซื่อ-รังสิต และบางซื่อ-ตลิ่งชัน ได้เข้าดำเนินงานเมื่อวันที่ 28 มิ.ย.59 มีความก้าวหน้าของงานที่ดำเนินการแล้วเสร็จคิดเป็น 0.83% โดยคาดว่าจะเปิดใช้งานได้จริงประมาณต้นปี 2563 เนื่องจากงานสัญญาที่ 3 เริ่มส่งสัญญาณงานช้า
ผู้ว่ารฟท. กล่าวว่า จะเรียกผู้รับเหมาทั้งหมดมาหารือหลังจากขอขยายเวลาก่อสร้าง 12-30 เดือน ว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ รวมทั้งสอบถามถึงสาเหตุที่ทำให้งานล่าช้าว่าเกิดจากอะไร หากเป็นเพราะผู้รับเหมาทำงานล่าช้าเอง ก็อาจจะคิดค่าปรับ คาดว่าจะได้ข้อสรุปเรื่องนี้ภายในเดือนนี้ จากนั้นในเดือนก.ย.จะเชิญผู้รับเหมาทั้ง 3 สัญญามาปรับแผนเพื่อเร่งรัดการดำเนินโครงการ และรับส่งมอบงานให้สัญญา 3 โดยกำหนดให้สัญญาที่ 1 และที่ 2 ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จไม่เกินปี 2561 เพื่อสามารถวางระบบและเปิดทดสอบระบบเดินรถให้ทันตามเป้าหมายในปี 2562 และเปิดเดินรถเป็นทางการได้ในปี 2563
นายวุฒิชาติ กล่าวว่า ในอนาคตสถานีกลางบางซื่อจะกลายเป็นศูนย์กลางการเดินทางด้วยระบบรางแห่งใหม่ของประเทศ รวมทั้งเป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองรับการเดินทางด้วยระบบรางทุกประเภท ทั้งรถไฟทางไกล รถไฟชานเมือง รถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยาน และรถไฟความเร็วสูงในอนาคตอีกด้วย
ในส่วนการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนในปีนี้ตามนโยบายรัฐบาล ที่ยังล่าช้ากว่าแผนนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือเร่งรัดโครงการเพื่อเพิ่มปริมาณการเบิกจ่ายงบประมาณ คาดว่าในปีนี้ จะสามารถเบิกจ่ายงบประมาณ เพิ่มจากแผนเดิมได้อีกประมาณ 1,000 ล้านบาท
ข่าวเด่น