นายณรงค์ฤทธิ์ ศรีสถิตย์นรากูร รองผู้ว่าการการประปานครหลวง (กปน.) เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์พายุโซนร้อนเข้าสู่ประเทศไทย และส่งผลให้เกิดฝนตกหนักบริเวณภาคเหนือของประเทศไทย จนทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในจังหวัดน่าน นั้น สำหรับมวลน้ำก้อนนี้ จะช่วยเติมน้ำในเขื่อนสิริกิติ์ ซึ่งขณะนี้มีปริมาณน้ำกักเก็บอยู่เพียง 4,823 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 51 % โดยมีปริมาณน้ำใช้การได้อยู่ที่ 1,973 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 30 % (ข้อมูล ณ วันที่ 19 สิงหาคม 2559) ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้งนี้ เขื่อนสิริกิติ์เป็นหนึ่งใน 4 เขื่อนหลัก ที่ กปน. รับน้ำดิบจากฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อผลิตน้ำประปาบริการประชาชนในพื้นที่ให้บริการ 3 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ
นายณรงค์ฤทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้านสถานการณ์น้ำท่วม น้ำหลาก ในจังหวัดแพร่ ซึ่งขณะนี้กำลังไหลลงสู่จังหวัดสุโขทัย มาตามลำแม่น้ำยม มวลน้ำก้อนนี้ที่มีความขุ่นสูงกว่าปรกตินี้ จะไหลลงสู่จังหวัดพิจิตรในลำดับถัดไป และมาบรรจบกับแม่น้ำปิง วัง และน่าน ลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาในจังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งความขุ่นของน้ำจะเจือจางลง อย่างไรก็ตาม คาดว่ามวลน้ำก้อนนี้จะมาถึงสถานีสูบน้ำดิบสำแล จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นจุดรับน้ำดิบของ กปน. ภายใน 1-2 สัปดาห์
อย่างไรก็ตาม กปน. เฝ้าระวังและติดตามการเดินทางของมวลน้ำดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมทั้งบุคลากรและสารเคมีที่ใช้ในการตกตะกอน จึงมั่นใจได้ว่าสามารถรับมือได้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม แม้ในปีนี้ปริมาณน้ำในเขื่อนสิริกิติ์จะมีแนวโน้มในทางที่ดีขึ้น แต่เขื่อนภูมิพลยังคงมีปริมาณน้ำน้อยอยู่ จึงขอความร่วมมือประชาชนใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าต่อไป เพื่อช่วยรักษาทรัพยากรน้ำไว้ใช้ให้นานที่สุด โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้งปีหน้า นอกจากนี้ ขอความร่วมมือประชาชน หากพบเห็นท่อประปาแตกรั่ว สามารถแจ้งได้ที่ ศูนย์บริการประชาชน โทร. 1125 หรือแจ้งผ่านแอปพลิเคชัน MWA onMobile ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ข่าวเด่น